สำหรับผู้ที่มีรายได้ต่อเดือน 20,000 บาทขึ้นไป

สามารถสมัครสินเชื่อและยื่นเอกสารผ่าน PROMISE โมบายแอปพลิเคชันได้แล้วโดยไม่ต้องไปสาขา

ดาวน์โหลดแอป คลิกเลย!

สมัครสินเชื่อพรอมิส

สมัครออนไลน์

Input data

สมัครสินเชื่อส่วนบุคคลพรอมิสผ่านช่องทางออนไลน์ได้ 
ปี
เดือน
บาท/เดือน
  • ข้อตกลง
  • ข้าพเจ้าผู้มีชื่อปรากฏและลงลายมือชื่ออยู่ด้านหน้าของสัญญาฉบับนี้ (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “ผู้กู้”) ขอให้คำมั่นต่อ บริษัท พรอมิส (ประเทศไทย) จำกัด (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “ผู้ให้กู้”) ว่า ผู้กู้ตกลงยินยอมปฏิบัติตามข้อกำหนดและเงื่อนไขดังต่อไปนี้

    1. ตามข้อกำหนดสัญญาสินเชื่อหมุนเวียนทั่วไปของบริษัท พรอมิส (ประเทศไทย) จำกัด (ต่อไปเรียกว่า “ข้อกำหนด”) สัญญาสินเชื่อหมุนเวียนทั่วไป (ต่อไปเรียกว่า “สัญญาฉบับนี้”) จะมีผลบริบูรณ์ เมื่อบริษัท พรอมิส (ประเทศไทย) จำกัด (ต่อไปเรียกว่า “บริษัท”) ได้อนุมัติคำขอสินเชื่อของบุคคลที่ได้ลงนาม (ต่อไปเรียกว่า “ลูกค้า”) ในใบสมัครและสัญญาสินเชื่อหมุนเวียนทั่วไป (ต่อไปเรียกว่า “ใบสมัคร/หนังสือสัญญา”)

    2. บริษัทจะพิจารณาให้วงเงินสินเชื่อโดยดุลยพินิจของตนเองเมื่อบริษัทอนุมัติคำขอสินเชื่อของลูกค้า บริษัทจะต้องแจ้งลูกค้าให้ทราบถึงวงเงินสินเชื่อของลูกค้าโดยแจ้งเป็นหนังสือ โทรศัพท์ หรือแจ้งด้วยวิธีการอื่นใดที่บริษัทจะกำหนด

    3. ลูกค้าสามารถขอใช้สินเชื่อหลายครั้งภายในวงเงินสินเชื่อที่ได้รับอนุมัติ โดยขอเบิกสินเชื่อจากเงินโอนผ่านธนาคารหรือวิธีการอื่นใดที่บริษัทกำหนด บริษัทอาจระงับสินเชื่อทั้งหมดหรือบางส่วนภายในระยะเวลาอันสมควรที่บริษัทจะพิจารณากำหนดโดยไม่ต้องแจ้งให้ลูกค้าทราบล่วงหน้า หากลูกค้าไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขใดๆ ที่ระบุนี้ หรือเมื่อบริษัทพิจารณาว่ามีความจำเป็นที่จะต้องปกป้องสิทธิประโยชน์ของบริษัท หากผลการตรวจสอบความน่าเชื่อถือทางด้านสินเชื่อของลูกค้าลดน้อยลง ลูกค้าจะต้องกรอก/ลงนามและยื่นเอกสารตามที่บริษัทต้องการเมื่อลูกค้าประสงค์จะเพิ่มวงเงินสินเชื่อ

    4. ลูกค้าจะต้องชำระเงินต้น ดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงินและค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่จำเป็นต้องจ่ายให้แก่บริษัทตามข้อกำหนดนี้ ลูกค้าต้องชำระให้บริษัทไม่น้อยกว่าจำนวนขั้นต่ำที่ระบุในใบสมัคร/หนังสือสัญญา ตามกำหนดวันชำระรายเดือนที่บริษัทและลูกค้าตกลงร่วมกันโดยชำระที่เคาน์เตอร์ธนาคาร จุดบริการรับชำระเงินของคู่ค้าของบริษัท ทางไปรษณีย์ จากการหักบัญชีธนาคาร หรือวิธีการอื่นใดที่บริษัทกำหนด ลูกค้าจะต้องรับภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการชำระสินเชื่อตามที่ระบุในข้อกำหนดนี้ เมื่อลูกค้าชำระที่เคาน์เตอร์ธนาคาร จุดบริการรับชำระเงินของคู่ค้าของบริษัท ทางไปรษณีย์ หรือหักบัญชีธนาคาร (ต่อไปนี้เรียกว่า “หน่วยงานภายนอก”) ลูกค้าต้องชำระภายในเวลาทำการ หรือเวลาให้บริการของสำนักงาน/หน่วยงานภายนอกที่รับชำระเงินนั้น

    5. บริษัทจะนำเงินที่ได้รับชำระจากลูกค้าไปหักชำระหนี้ตามลำดับ ดังต่อไปนี้ (ก) ค่าใช้จ่ายต่างๆ (ข) ค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงถามหนี้ที่ค้างชำระ (ค) ค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงินที่ค้างชำระ (ง) ดอกเบี้ยที่ค้างชำระ (จ) ค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงถามหนี้ (ฉ) ค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงิน (ช) ดอกเบี้ย และ (ซ) เงินต้น

    6. ลูกค้าสามารถขอชำระคืนเงินต้นคงค้างทั้งหมด หรือบางส่วน ก่อนถึงวันที่กำหนดชำระเงินได้ โดยลูกค้าจะต้องชำระพร้อมกับค่าใช้จ่ายต่างๆ ค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงถามหนี้ ค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงิน และดอกเบี้ย ที่เกิดขึ้นจนถึงวันที่ลูกค้าได้ชำระคืนเงินต้นดังกล่าวข้างต้น

    7. ลูกค้ายินยอมจ่ายดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงิน และค่าใช้จ่ายตามที่ได้จ่ายไปจริงและพอสมควรแก่เหตุ ตามรายละเอียดดังต่อไปนี้

      1. ดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงิน
        ดอกเบี้ย 15.00% ต่อปี
        ค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงิน 0.00%-10.00% ต่อปี

        (บริษัทจะเป็นผู้กำหนดในเรื่องค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงินและแจ้งลูกค้าตามวิธีการที่บริษัทกำหนด)

      2. ค่าใช้จ่ายที่จ่ายให้แก่หน่วยงานราชการ

        2.1 ค่าอากรแสตมป์ 1 บาทต่อทุกๆ วงเงินที่อนุมัติ 2,000 บาท และ 1 บาท สำหรับเศษของ 2,000 บาท

      3. ค่าใช้จ่ายที่จ่ายให้แก่หน่วยงานภายนอก หรือบุคคลอื่น
        3.1 ค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการชำระเงิน*
        ชำระที่เคาน์เตอร์ของธนาคาร 15-35 บาท/ครั้ง
        ชำระที่เคาน์เตอร์เซอร์วิส 15-25 บาท/ครั้ง
        ชำระที่ทำการไปรษณีย์ไทยและเคาน์เตอร์ที่มีสัญลักษณ์ PAY AT POST 15 บาท/ครั้ง
        ชำระโดยหักบัญชีธนาคาร 10-30 บาท/ครั้ง
        ชำระผ่านเครื่อง ATM 10-30 บาท/ครั้ง
        ชำระผ่านระบบโทรศัพท์อัตโนมัติ 10-30 บาท/ครั้ง
        ชำระผ่านระบบอินเตอร์เน็ต 10-30 บาท/ครั้ง
        ชำระผ่านระบบ Mobile Banking 10-30 บาท/ครั้ง
        3.2 ค่าธรรมเนียมในการตรวจสอบข้อมูลเครดิต
        (กรณีลูกค้าสมัครใหม่และเปลี่ยนสัญญา)
        ผลการตรวจสอบข้อมูลเครดิต ปรากฏข้อมูลสืบค้นหรือข้อมูลบัญชีอันใดอันหนึ่ง 12 บาท/ครั้ง
        ผลการตรวจสอบข้อมูลเครดิต ไม่ปรากฏทั้งข้อมูลสืบค้นและข้อมูลบัญชี 5 บาท/ครั้ง

        (ในกรณีที่ผลการอนุมัติไม่ผ่านจะไม่จัดเก็บเงินค่าธรรมเนียมตรวจสอบข้อมูลเครดิต)

        3.3 ค่าใช้จ่ายในกรณีเงินในบัญชีไม่พอจ่าย ไม่มี

        (กรณีชำระหนี้โดยการหักบัญชีกับสถาบันการเงินอื่น)

        3.4 ค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงถามหนี้ ในช่วงที่ลูกค้ามีการค้างชำระ หากบริษัทมีการแจ้งติดตามทวงถามหนี้ จะเกิดค่าติดตาม ทวงถามหนี้ดังต่อไปนี้ และค่าติดตามทวงถามหนี้ที่เกิดขึ้นในช่วงที่มีการค้างชำระ จะคำนวณ รวมไปในยอดเรียกชำระของเดือนถัดไปหลังจากที่พ้นสถานะค้างชำระแล้ว
        ・ค้างชำระตั้งแต่วันที่ 1 จนถึงวันที่ 30 คิดเป็นจำนวน 50 บาท
        ・ค้างชำระเกิน 30 วัน คิดเพิ่ม 100 บาท และตั้งแต่นั้นเป็นต้นไปจะคิดเพิ่มอีก 100 บาททุกๆ 30 วัน
        ・กรณีที่ค่างวดหรือยอดเรียกชำระในแต่ละเดือน ไม่เกิน 1,000 บาท จะไม่เกิดค่าติดตามทวงถามหนี้

        หมายเหตุ: -* ค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการชำระเงิน ตามข้อ 3.1 หน่วยงานภายนอกนั้นๆจะเป็นผู้กำหนดและค่าธรรมเนียมดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามที่เรียกเก็บจริงโดยผู้ให้บริการรับชำระเงิน

      4. ค่าใช้จ่ายที่เป็นต้นทุนในการดำเนินงานของบริษัท
        4.1 ค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงถามหนี้ ในช่วงที่ลูกค้ามีการค้างชำระ หากบริษัทมีการแจ้งติดตามทวงถามหนี้ จะเกิดค่าติดตาม ทวงถามหนี้ดังต่อไปนี้ และค่าติดตามทวงถามหนี้ที่เกิดขึ้นในช่วงที่มีการค้างชำระ จะคำนวณรวมไปในยอดเรียกชำระของเดือนถัดไปหลังจากที่พ้นสถานะค้างชำระแล้ว
        ・ค้างชำระตั้งแต่วันที่ 1 จนถึงวันที่ 30 คิดเป็นจำนวน 50 บาท
        ・ค้างชำระเกิน 30 วัน คิดเพิ่ม 100 บาท และตั้งแต่นั้นเป็นต้นไปจะคิดเพิ่มอีก 100 บาททุกๆ 30 วัน
        ・กรณีที่ค่างวดหรือยอดเรียกชำระในแต่ละเดือน ไม่เกิน 1,000 บาท จะไม่เกิดค่าติดตามทวงถามหนี้
        4.2 ค่าขอใบแจ้งหนี้ยอดบัญชีของแต่ละงวด ไม่มี
        (ชุดที่ 2 เป็นต้นไป)
        4.3 ค่าขอตรวจสอบรายการ ไม่มี
    8. ลูกค้าจะสูญเสียประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาทันที โดยไม่ต้องได้รับคำบอกกล่าวจากบริษัท เมื่อมีเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งดังต่อไปนี้เกิดขึ้นแก่ลูกค้า และบริษัทสามารถเรียกให้ลูกค้าชำระเงินทั้งหมดได้โดยพลัน

      (ก) ลูกค้าถูกศาลสั่งให้เป็นบุคคลไร้ความสามารถ ถูกศาลสั่งให้ทรัพย์สินของลูกค้าอยู่ภายใต้การจัดการของศาล หรือศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินอยู่ภายใต้การดูแลควบคุมของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์

      (ข) เมื่อลูกค้าถึงแก่ความตาย

      (ค) เมื่อลูกค้าถูกบังคับคดี ถูกยึดหรืออายัดทรัพย์ หรือยอมให้ถูกยึดหรืออายัดตามกฎหมายหรือคำพิพากษา

    9. ถ้ามีเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งดังต่อไปนี้เกิดขึ้นแก่ลูกค้า บริษัทจะถือว่าเป็นเหตุผิดสัญญา ซึ่งบริษัทจะบอกกล่าวลูกค้าเป็นหนังสือ เพื่อแก้ไขเหตุผิดสัญญาดังกล่าวภายในระยะเวลาอันสมควร

      (ก) เมื่อลูกค้าไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขแห่งสัญญาฉบับนี้

      (ข) เมื่อลูกค้าให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ หรือมอบเอกสารหลักฐานใดๆ ที่มีข้อความอันเป็นเท็จ หรือเป็นเอกสารปลอมแก่บริษัท

      (ค) เมื่อลูกค้าไม่ชำระหนี้ทั้งหมดหรือบางส่วนของหนี้งวดใดงวดหนึ่งให้ถูกต้องครบถ้วนตามเงื่อนไขของสัญญาฉบับนี้

      ลูกค้าจะสูญเสียประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาทันที หากลูกค้าไม่แก้ไขเหตุแห่งการผิดสัญญาภายในเวลาที่กำหนดไว้ในคำบอกกล่าว บริษัทมีสิทธิที่จะเรียกให้ลูกค้าชำระหนี้ทั้งหมดที่ยังคงค้างชำระให้แก่บริษัทได้ทันที

      อย่างไรก็ตามกรณีที่บริษัทได้รับหนังสือยินยอมให้หักบัญชีเงินฝากธนาคารแล้ว ลูกค้ายินยอมให้บริษัทหักเงินจากบัญชีดังกล่าวได้เต็มจำนวนของยอดหนี้ที่ค้างชำระ

    10. บรรดาคำบอกกล่าวที่บริษัทต้องจัดทำขึ้นเป็นหนังสือตามกฎหมายหรือข้อกำหนดนี้ บริษัทจะดำเนินการจัดส่งคำบอกกล่าวนั้นทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับไปยังที่อยู่ลูกค้าที่ได้ระบุในใบสมัคร/หนังสือสัญญาฉบับนี้ หรือที่อยู่ที่ได้มีการแจ้งครั้งหลังสุด โดยให้ถือว่าเป็นการจัดส่งให้ลูกค้าโดยชอบด้วยกฎหมายและให้ถือว่าลูกค้าได้รับทราบแล้ว ลูกค้าจะต้องแจ้งบริษัทถึงการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ รายละเอียดการติดต่อ สถานที่ทำงาน หรือข้อมูลอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า โดยจะแจ้งให้บริษัททราบถึงการเปลี่ยนแปลงทุกครั้งภายใน 7 วัน นับจากวันที่ได้มีการเปลี่ยนแปลงตามวีธีการที่บริษัทกำหนด ถ้าเอกสารที่บริษัทส่งให้แก่ลูกค้านั้นไม่ถึงลูกค้า หรือ ถึงลูกค้าล่าช้า เนื่องจากลูกค้าไม่แจ้งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวให้ถือว่าการจัดส่งดังกล่าวได้ไปถึงลูกค้าแล้วโดยชอบ ณ เวลาที่หนังสือบอกกล่าวนั้นควรไปถึง ถ้าหากบริษัทได้ส่งไปยังที่อยู่ ตามที่ลูกค้าแจ้งไว้ให้แก่บริษัท ทั้งนี้ไม่จำตัองคำนึงว่าจะถึงตัวลูกค้า หรือมีผู้ใดรับไว้หรือไม่ก็ตาม ในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลถูกเปิดเผยแก่บุคคลที่สาม ด้วยเหตุผลนอกเหนือจากความรับผิดชอบของบริษัท เช่น ลูกค้าไม่แจ้งเปลี่ยนแปลงข้อมูล ความผิดพลาดในการส่งเอกสารของไปรษณีย์ เป็นต้น บริษัทจะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น ลูกค้าอาจเรียกร้องให้บริษัทเปลี่ยนแปลงวันที่ถึงกำหนดชำระหนี้ในแต่ละเดือนได้โดยแจ้งให้บริษัททราบล่วงหน้า เมื่อวันที่จะได้รับเงินได้ของลูกค้ามีการเปลี่ยนแปลงไป

    11. ไม่ว่าในระหว่างที่สัญญาฉบับนี้มีผลหรือไม่ และตลอดเวลาที่ลูกค้าเป็นลูกค้าของบริษัท ลูกค้ายินยอมให้บริษัทซึ่งเป็นสมาชิกของบริษัทข้อมูลเครดิตใช้เปิดเผย จัดส่ง และรับข้อมูลต่างๆ ของลูกค้าซึ่งเปิดเผยหรือให้แก่บริษัท หรือแก่สมาชิกและผู้ใช้บริการ และนิติบุคคลใดที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับข้อมูลเครดิต (ต่อไปนี้เรียกว่า “บริษัทข้อมูลเครดิต”) ทั้งที่ได้เปิดเผยโดยตรงต่อบริษัทและที่เป็นข้อมูลของลูกค้าที่บริษัทข้อมูลเครดิตได้รับจากสมาชิกและผู้ใช้บริการ รายอื่นเพื่อประโยชน์ในการวิเคราะห์สินเชื่อ การอนุมัติวงเงินและสินเชื่อ การทบทวนสินเชื่อ การต่ออายุสัญญาสินเชื่อ การบริหารและป้องกันความเสี่ยงตามคำสั่งของธนาคารแห่งประเทศไทยตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต หรือเพื่อวัตถุประสงค์ในทางกฎหมายและบริษัทข้อมูลเครดิตจะส่งต่อให้กับผู้ใช้บริการ ความยินยอมข้างต้น หมายความรวมถึง ลูกค้ายินยอมให้บริษัทนำข้อมูลของลูกค้าที่ได้รับจากบริษัทข้อมูลเครดิตเฉพาะส่วนที่ไม่สามารถระบุตัวตน เช่น ชื่อ นามสกุล เลขที่ประจำตัวบัตรประชาชน ไปใช้เป็นปัจจัยหนึ่งในการจัดทำแบบจำลองด้านเครดิต รวมทั้งอาจมอบหมายให้บุคคลภายนอกใดๆ ดำเนินการดังกล่าวแทนได้ ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิตซึ่งบริษัทอาจขอให้ลูกค้าลงนามให้ความยินยอมดังกล่าวในเอกสารแยกต่างหาก
      นอกจากนั้นบริษัทอาจใช้ข้อมูลของลูกค้าในการเสนอบริการ/สินค้าที่บริษัทเห็นว่าเป็นประโยชน์แก่ลูกค้า โดยเมื่อได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากลูกค้าแยกต่างหากซึ่งลูกค้ามีสิทธิปฏิเสธการให้ความยินยอมดังกล่าว ทั้งนี้ลูกค้าจะไม่เรียกร้องค่าเสียหายหรือค่าทดแทนใดๆจากบริษัทที่เกิดจากการกระทำของบริษัทข้างต้น

    12. บริษัทอาจเปลี่ยนแปลงแปลงอัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน ค่าใช้จ่ายต่างๆ และวิธีการคิดเงินต้น อัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน และค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งได้ระบุไว้ในข้อกำหนดเป็นอัตราและวิธีการตามที่บริษัทเห็นสมควร การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวให้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของข้อกำหนด

      โดยบริษัทจะปิดประกาศเผยแพร่รายละเอียดอัตราดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการและค่าธรรมเนียมใดๆและค่าใช้จ่ายตามที่ได้จ่ายไปจริงและพอสมควรแก่เหตุ เมื่อบริษัทออกประกาศหรือเปลี่ยนแปลงประกาศไว้ ในที่เปิดเผย ณ สำนักงานทุกแห่ง ตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดและบริษัทจะประกาศเผยแพร่ประกาศไว้ในเว็บไซต์ของบริษัทก่อนวันที่ประกาศนั้นจะมีผลใช้บังคับ
      บริษัทจะทำการแจ้งลูกค้าเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน และค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ทำให้ลูกค้าเสียประโยชน์ โดยการบอกกล่าวลูกค้าเป็นหนังสือไม่น้อยกว่า 30 วัน ก่อนมีการเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ดีในกรณีเร่งด่วนบริษัทจะแจ้งการเปลี่ยนแปลงโดยการประกาศในหนังสือพิมพ์ภาษาไทยรายวันไม่น้อยกว่า 7 วันและจะส่งคำบอกกล่าวเป็นหนังสือให้แก่ลูกค้าในกรณีที่มีการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยให้อีกครั้งหนึ่ง
      ทั้งนี้ ในกรณีที่บริษัทจะประกาศกำหนดหรือเปลี่ยนแปลงค่าใช้จ่ายตามที่ได้จ่ายไปจริงและพอสมควรแก่เหตุ ตามข้อ 7.2 ถึง 7.4 รวมทั้งเงื่อนไขที่เกี่ยวเนื่องกับค่าใช้จ่ายซึ่งทำให้ลูกค้าเสียประโยชน์ ลูกค้าตกลงตามอัตราที่เปลี่ยนแปลงดังกล่าว เมื่อบริษัทได้ทำการแจ้งเรื่องการเปลี่ยนแปลงอัตราค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามที่ได้จ่ายไปจริงและพอสมควรแก่เหตุดังกล่าว โดยการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่ลูกค้าเป็นหนังสือไม่น้อยกว่า 30 วัน ก่อนการเปลี่ยนแปลงมีผลใช้บังคับหรือระยะเวลาใดๆที่กฎหมายอาจกำหนดเปลี่ยนแปลง รวมทั้ง บริษัทได้ประกาศเผยแพร่ประกาศการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไว้ในที่เปิดเผย ณ สำนักงานทุกแห่ง และในเว็บไซต์ของบริษัทเพื่อให้ลูกค้าทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วัน หรือระยะเวลาใดๆที่กฎหมายอาจกำหนดเปลี่ยนแปลง ก่อนวันที่ประกาศนั้นจะมีผลใช้บังคับแล้วเท่านั้น

    13. ในกรณีที่บริษัทผ่อนผันการชำระหนี้หรือการปฏิบัติตามข้อกำหนดให้แก่ลูกค้า ไม่ถือว่าเป็นการสละสิทธิหรือเสียสิทธิอย่างใดๆของลูกค้าภายใต้สัญญาฉบับนี้

    14. คำขอสินเชื่อ ใบสมัครและสัญญาสินเชื่อหมุนเวียนทั่วไป หนังสือยินยอมเปิดเผยข้อมูลที่ลูกค้าได้ลงนาม ประกาศอัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม รวมทั้งที่บริษัทอาจประกาศกำหนดหรือเปลี่ยนแปลงในภายหลัง ถือเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาฉบับนี้ ในกรณีที่ข้อความใดข้อความหนึ่ง หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของสัญญาฉบับนี้กลายเป็นข้อความที่เป็นโมฆะ ขัดกับกฎหมาย ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่สมบูรณ์ หรือใช้บังคับมิได้ในประการใดๆ ตามกฎหมาย ให้ส่วนอื่นๆของสัญญาฉบับนี้ยังคงมีผลสมบูรณ์ และใช้บังคับได้ตามกฎหมายและไม่เสี่อมเสียไปเพราะความเป็นโมฆะ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่สมบูรณ์ หรือใช้บังคับมิได้ของข้อความดังกล่าวนั้น และให้สัญญาฉบับนี้อยู่ภายใต้บังคับและตีความตามกฎหมายไทย

    15. บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดของลูกค้าที่ให้ไว้หรือมีอยู่กับบริษัท หรือข้อมูลที่ได้รับมาจากบุคคลอื่นตามช่องทางที่ท่านได้ให้ไว้ ในขั้นตอนการสมัครหรือในระหว่างการทำธุรกรรม ไปใช้ตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทแจ้งไว้เท่านั้น โดยจะเก็บเป็นเวลา 15 ปี นับจากวันสิ้นสุดสัญญา สำหรับ Voice log / IP Address จะทำการจัดเก็บเป็นระยะเวลา 6 เดือน และ Cookies จะทำการจัดเก็บเป็นเวลา 3 เดือน

    16. บริษัทจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า ภายในขอบเขตวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

      (1) เพื่อใช้พิจารณาการสมัครสินเชื่อ, การใช้บริการอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น

      (2) เพื่อใช้ยืนยันตัวตนตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือใช้ตรวจสอบคุณสมบัติ ฯลฯ ในการใช้งานผลิตภัณฑ์หรือการบริการทางการเงิน

      (3) เพื่อใช้บริหารจัดการการทำธุรกรรมต่อเนื่อง เช่น จัดการวันกำหนดชำระของธุรกรรมสินเชื่อ เป็นต้น

      (4) เพื่อส่งมอบข้อมูลแก่บุคคลที่สามภายในขอบเขตที่จำเป็นสำหรับการดำเนินงานอย่างเหมาะสม เช่น กรณีที่ต้องส่งข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ เป็นต้น

      (5) เพื่อใช้ดำเนินงานที่ได้รับมอบหมายอย่างเหมาะสม ในกรณีที่ได้รับมอบหมายงานเกี่ยวกับการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมด หรือบางส่วนจากผู้ประกอบการอื่น

      (6) เพื่อใช้สิทธิหรือปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาที่ได้ทำกับลูกค้า, กฎหมาย ฯลฯ

      (7) เพื่อใช้ยกเลิกการทำธุรกรรมหรือใช้ในการจัดการหลังยกเลิกการทำธุรกรรม

      (8) เพื่อให้ดำเนินธุรกรรมกับลูกค้าได้อย่างเหมาะสมและราบรื่น

      (9) เพื่อใช้ในธุรกรรมอื่นๆ เช่น การโอนขายและค้ำประกันหนี้

    17. บริษัทอาจโอนสิทธิเรียกร้องทั้งหมดหรือบางส่วนที่บริษัทมีภายใต้สัญญาฉบับนี้แก่บุคคลภายนอกและอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าให้แก่บุคคลดังกล่าวเท่าที่จำเป็น ในกรณีดังกล่าวนี้บริษัทจะต้องบอกกล่าวลูกค้าเป็นหนังสือไม่น้อยกว่าหนึ่งงวดของการชำระเงินกู้หรือดอกเบี้ย ก่อนวันที่การโอนสิทธิเรียกร้องมีผลบังคับ

    18. บริษัทอาจมอบหมายให้องค์กรภายนอกที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายดำเนินการแทนบริษัทได้ โดยบริษัทสามารถเปิดเผยข้อมูลของลูกค้าให้กับองค์กรภายนอกเหล่านั้นได้เท่าที่จำเป็นภายในวัตถุประสงค์ตามข้อกำหนดสัญญา ดังต่อไปนี้
      ・เพื่อการรับสมัคร การให้กู้ และการติดตามทวงถามหนี้กับลูกค้า
      ・เพื่อใช้พิมพ์เอกสารและจัดส่งไปให้ลูกค้า
      ・เพื่อการขนส่ง จัดเก็บ ทำลายเอกสารของลูกค้า
      ・เพื่อการพัฒนา การใช้ และการบำรุงรักษาระบบที่เกี่ยวข้องกับการจัดการข้อมูล
      ของลูกค้า

      ทั้งนี้ องค์กรภายนอกดังกล่าวนั้น หมายความรวมถึง บุคคลที่อยู่ในต่างประเทศ ซึ่งอาจไม่มีการบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในระดับเดียวกับประเทศไทย

    19. บริษัทอาจขอคัดสำเนาทะเบียนบ้านของลูกค้าจากหน่วยงานรัฐ เมื่อบริษัทเห็นว่ามีความจำเป็น อาทิเช่น เพื่อการติดตามทวงถาม เป็นต้น

    20. ลูกค้าสามารถขอให้บริษัทเปิดเผย, แก้ไข, เพิ่มเติม, ลบ, หรือเพิกถอนข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับลูกค้าได้ โดยดำเนินการตามขั้นตอนที่บริษัทกำหนด ซึ่งขั้นตอนที่บริษัทกำหนด หมายถึง [การยื่นเอกสาร “หนังสือคำร้องสำหรับเจ้าของข้อมูล”] โดยสามารถรับเอกสารดังกล่าวได้ที่เว็บไซต์บริษัท(https://www.promise.co.th/)จุดให้บริการ, และทางไปรษณีย์ และในกรณีดังต่อไปนี้ บริษัทอาจจำเป็นต้องปฏิเสธคำร้องขอของลูกค้า เพื่อให้เป็นไปตามกฏหมายที่เกี่ยวข้อง

      (1) กรณีที่ไม่สามารถแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนได้ว่าผู้ยื่นคำร้องเป็นเจ้าของข้อมูลหรือมีอำนาจในการยื่นคำร้องขอดังกล่าว

      (2) คำร้องขอดังกล่าวไม่สมเหตุสมผล อาทิ กรณีที่ผู้ร้องขอไม่มีสิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล หรือไม่มีข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ที่บริษัท เป็นต้น

      (3) คำร้องขอดังกล่าวเป็นคำร้องขอฟุ่มเฟือย อาทิ เป็นคำร้องขอที่มีลักษณะเดียวกัน หรือ มีเนื้อหาเดียวกันซ้ำๆ กันโดยไม่มีเหตุอันสมควร เป็นต้น

      (4) บริษัทไม่สามารถให้ท่านเข้าถึงข้อมูล ทำสำเนา หรือ เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลได้เนื่องจากเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล และการปฏิบัติตามคำขอนั้นจะส่งผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น อาทิ การเปิดเผยข้อมูลนั้นเป็นการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามด้วย หรือ เป็นการเปิดเผยทรัพย์สินทางปัญญา หรือ ความลับทางการค้าของบุคคลที่สาม

      (5) ในกรณีที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หรือ กรณียกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย และกรณีที่มีการร้องขอให้เปิดเผย, แก้ไข, เพิ่มเติม, หรือลบเนื้อหาข้อมูลส่วนบุคคลที่รวบรวมมาได้ บริษัทจะดำเนินการให้อย่างรวดเร็ว

    21. ช่องทางการติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (DPO) มีดังนี้

      [ที่อยู่ติดต่อ]159/19-20 อาคารเสริมมิตร ทาวเวอร์ ห้อง 1201 ชั้น 12 ถนนสุขุมวิท 21 (อโศก) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110

      [หมายเลขโทรศัพท์]02-036-9302

    ข้อกำหนดและเงื่อนไขการให้สินเชื่อฉบับนี้ ทำขึ้นเป็นสองฉบับมีความถูกต้องตรงกันทุกประการ ผู้กู้ได้อ่านและเข้าใจในข้อกำหนดและเงื่อนไขฉบับนี้โดยตลอดแล้วเห็นว่าถูกต้องตรงตามเจตนาและความประสงค์ของผู้กู้ทุกประการผู้กู้จึงได้ลงลายมือชื่อไว้ในสัญญาฉบับนี้เพื่อเป็นหลักฐานสำคัญ

หากท่านลูกค้าไม่ได้รับการติดต่อกลับภายใน 2 วันทำการ กรุณาติดต่อ Call Center 1751

ข้าพเจ้าผู้มีชื่อปรากฏและลงลายมือชื่ออยู่ด้านหน้าของสัญญาฉบับนี้ (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “ผู้กู้”) ขอให้คำมั่นต่อ บริษัท พรอมิส (ประเทศไทย) จำกัด (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “ผู้ให้กู้”) ว่า ผู้กู้ตกลงยินยอมปฏิบัติตามข้อกำหนดและเงื่อนไขดังต่อไปนี้

  • 1.

    ตามข้อกำหนดสัญญาสินเชื่อหมุนเวียนทั่วไปของบริษัท พรอมิส (ประเทศไทย) จำกัด (ต่อไปเรียกว่า “ข้อกำหนด”) สัญญาสินเชื่อหมุนเวียนทั่วไป (ต่อไปเรียกว่า “สัญญาฉบับนี้”) จะมีผลบริบูรณ์ เมื่อบริษัท พรอมิส (ประเทศไทย) จำกัด (ต่อไปเรียกว่า “บริษัท”) ได้อนุมัติคำขอสินเชื่อของบุคคลที่ได้ลงนาม (ต่อไปเรียกว่า “ลูกค้า”) ในใบสมัครและสัญญาสินเชื่อหมุนเวียนทั่วไป (ต่อไปเรียกว่า “ใบสมัคร/หนังสือสัญญา”)

  • 2.

    บริษัทจะพิจารณาให้วงเงินสินเชื่อโดยดุลยพินิจของตนเองเมื่อบริษัทอนุมัติคำขอสินเชื่อของลูกค้า บริษัทจะต้องแจ้งลูกค้าให้ทราบถึงวงเงินสินเชื่อของลูกค้าโดยแจ้งเป็นหนังสือ โทรศัพท์ หรือแจ้งด้วยวิธีการอื่นใดที่บริษัทจะกำหนด

  • 3.

    ลูกค้าสามารถขอใช้สินเชื่อหลายครั้งภายในวงเงินสินเชื่อที่ได้รับอนุมัติ โดยขอเบิกสินเชื่อจากเงินโอนผ่านธนาคารหรือวิธีการอื่นใดที่บริษัทกำหนด บริษัทอาจระงับสินเชื่อทั้งหมดหรือบางส่วนภายในระยะเวลาอันสมควรที่บริษัทจะพิจารณากำหนดโดยไม่ต้องแจ้งให้ลูกค้าทราบล่วงหน้า หากลูกค้าไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขใดๆ ที่ระบุนี้ หรือเมื่อบริษัทพิจารณาว่ามีความจำเป็นที่จะต้องปกป้องสิทธิประโยชน์ของบริษัท หากผลการตรวจสอบความน่าเชื่อถือทางด้านสินเชื่อของลูกค้าลดน้อยลง ลูกค้าจะต้องกรอก/ลงนามและยื่นเอกสารตามที่บริษัทต้องการเมื่อลูกค้าประสงค์จะเพิ่มวงเงินสินเชื่อ

  • 4.

    ลูกค้าจะต้องชำระเงินต้น ดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงินและค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่จำเป็นต้องจ่ายให้แก่บริษัทตามข้อกำหนดนี้ ลูกค้าต้องชำระให้บริษัทไม่น้อยกว่าจำนวนขั้นต่ำที่ระบุในใบสมัคร/หนังสือสัญญา ตามกำหนดวันชำระรายเดือนที่บริษัทและลูกค้าตกลงร่วมกันโดยชำระที่เคาน์เตอร์ธนาคาร จุดบริการรับชำระเงินของคู่ค้าของบริษัท ทางไปรษณีย์ จากการหักบัญชีธนาคาร หรือวิธีการอื่นใดที่บริษัทกำหนด ลูกค้าจะต้องรับภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการชำระสินเชื่อตามที่ระบุในข้อกำหนดนี้ เมื่อลูกค้าชำระที่เคาน์เตอร์ธนาคาร จุดบริการรับชำระเงินของคู่ค้าของบริษัท ทางไปรษณีย์ หรือหักบัญชีธนาคาร (ต่อไปนี้เรียกว่า “หน่วยงานภายนอก”) ลูกค้าต้องชำระภายในเวลาทำการ หรือเวลาให้บริการของสำนักงาน/หน่วยงานภายนอกที่รับชำระเงินนั้น

  • 5.

    บริษัทจะนำเงินที่ได้รับชำระจากลูกค้าไปหักชำระหนี้ตามลำดับ ดังต่อไปนี้ (ก) ค่าใช้จ่ายต่างๆ (ข) ค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงถามหนี้ที่ค้างชำระ (ค) ค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงินที่ค้างชำระ (ง) ดอกเบี้ยที่ค้างชำระ (จ) ค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงถามหนี้ (ฉ) ค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงิน (ช) ดอกเบี้ย และ (ซ) เงินต้น

  • 6.

    ลูกค้าสามารถขอชำระคืนเงินต้นคงค้างทั้งหมด หรือบางส่วน ก่อนถึงวันที่กำหนดชำระเงินได้ โดยลูกค้าจะต้องชำระพร้อมกับค่าใช้จ่ายต่างๆ ค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงถามหนี้ ค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงิน และดอกเบี้ย ที่เกิดขึ้นจนถึงวันที่ลูกค้าได้ชำระคืนเงินต้นดังกล่าวข้างต้น

  • 7.

    ลูกค้ายินยอมจ่ายดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงิน และค่าใช้จ่ายตามที่ได้จ่ายไปจริงและพอสมควรแก่เหตุ ตามรายละเอียดดังต่อไปนี้

    • 1.

      ดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงิน

      ดอกเบี้ย 15.00% ต่อปี
      ค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงิน 0.00%-10.00% ต่อปี

      (บริษัทจะเป็นผู้กำหนดในเรื่องค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงินและแจ้งลูกค้าตามวิธีการที่บริษัทกำหนด)

    • 2.

      ค่าใช้จ่ายที่จ่ายให้แก่หน่วยงานราชการ

      2.1 ค่าอากรแสตมป์ 1 บาทต่อทุกๆ วงเงินที่อนุมัติ 2,000 บาท และ 1 บาท สำหรับเศษของ 2,000 บาท

    • 3.

      ค่าใช้จ่ายที่จ่ายให้แก่หน่วยงานภายนอก หรือบุคคลอื่น

      3.1. ค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการชำระเงิน*
      ชำระที่เคาน์เตอร์ของธนาคาร 15-35 บาท/ครั้ง
      ชำระที่เคาน์เตอร์เซอร์วิส 15-25 บาท/ครั้ง
      ชำระที่ทำการไปรษณีย์ไทยและเคาน์เตอร์ที่มีสัญลักษณ์ PAY AT POST 15 บาท/ครั้ง
      ชำระโดยหักบัญชีธนาคาร 10-30 บาท/ครั้ง
      ชำระผ่านเครื่อง ATM 10-30 บาท/ครั้ง
      ชำระผ่านระบบโทรศัพท์อัตโนมัติ 10-30 บาท/ครั้ง
      ชำระผ่านระบบอินเตอร์เน็ต 10-30 บาท/ครั้ง
      ชำระผ่านระบบ Mobile Banking 10-30 บาท/ครั้ง
      3.2 ค่าธรรมเนียมในการตรวจสอบข้อมูลเครดิต
      (กรณีลูกค้าสมัครใหม่และเปลี่ยนสัญญา)
      ผลการตรวจสอบข้อมูลเครดิต ปรากฏข้อมูลสืบค้นหรือข้อมูลบัญชีอันใดอันหนึ่ง 12 บาท/ครั้ง
      ผลการตรวจสอบข้อมูลเครดิต ไม่ปรากฏทั้งข้อมูลสืบค้นและข้อมูลบัญชี 5 บาท/ครั้ง
      (ในกรณีที่ผลการอนุมัติไม่ผ่านจะไม่จัดเก็บเงินค่าธรรมเนียมตรวจสอบข้อมูลเครดิต)
      3.3 ค่าใช้จ่ายในกรณีเงินในบัญชีไม่พอจ่าย ไม่มี
      (กรณีชำระหนี้โดยการหักบัญชีกับสถาบันการเงินอื่น)
      3.4 ค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงถามหนี้
      ในช่วงที่ลูกค้ามีการค้างชำระ หากบริษัทมีการแจ้งติดตามทวงถามหนี้ จะเกิดค่าติดตาม
      ทวงถามหนี้ดังต่อไปนี้ และค่าติดตามทวงถามหนี้ที่เกิดขึ้นในช่วงที่มีการค้างชำระ จะคำนวณ
      รวมไปในยอดเรียกชำระของเดือนถัดไปหลังจากที่พ้นสถานะค้างชำระแล้ว
      ・ค้างชำระตั้งแต่วันที่ 1 จนถึงวันที่ 30 คิดเป็นจำนวน 50 บาท
      ・ค้างชำระเกิน 30 วัน คิดเพิ่ม 100 บาท และตั้งแต่นั้นเป็นต้นไปจะคิดเพิ่มอีก 100 บาททุกๆ 30 วัน
      ・กรณีที่ค่างวดหรือยอดเรียกชำระในแต่ละเดือน ไม่เกิน 1,000 บาท จะไม่เกิดค่าติดตามทวงถามหนี้

      หมายเหตุ: -* ค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการชำระเงิน ตามข้อ 3.1 หน่วยงานภายนอกนั้นๆจะเป็นผู้กำหนดและค่าธรรมเนียมดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามที่เรียกเก็บจริงโดยผู้ให้บริการรับชำระเงิน

    • 4.

      ค่าใช้จ่ายที่เป็นต้นทุนในการดำเนินงานของบริษัท

      4.1 ค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงถามหนี้
      ในช่วงที่ลูกค้ามีการค้างชำระ หากบริษัทมีการแจ้งติดตามทวงถามหนี้ จะเกิดค่าติดตาม
      ทวงถามหนี้ดังต่อไปนี้
      และค่าติดตามทวงถามหนี้ที่เกิดขึ้นในช่วงที่มีการค้างชำระ จะคำนวณรวมไปในยอดเรียกชำระของเดือนถัดไปหลังจากที่พ้นสถานะค้างชำระแล้ว
      ・ค้างชำระตั้งแต่วันที่ 1 จนถึงวันที่ 30 คิดเป็นจำนวน 50 บาท
      ・ค้างชำระเกิน 30 วัน คิดเพิ่ม 100 บาท และตั้งแต่นั้นเป็นต้นไปจะคิดเพิ่มอีก 100 บาททุกๆ 30 วัน
      ・กรณีที่ค่างวดหรือยอดเรียกชำระในแต่ละเดือน ไม่เกิน 1,000 บาท จะไม่เกิดค่าติดตามทวงถามหนี้
      4.2 ค่าขอใบแจ้งหนี้ยอดบัญชีของแต่ละงวด ไม่มี
      (ชุดที่ 2 เป็นต้นไป)
      4.3 ค่าขอตรวจสอบรายการ ไม่มี
  • 8.

    ลูกค้าจะสูญเสียประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาทันที โดยไม่ต้องได้รับคำบอกกล่าวจากบริษัท เมื่อมีเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งดังต่อไปนี้เกิดขึ้นแก่ลูกค้า และบริษัทสามารถเรียกให้ลูกค้าชำระเงินทั้งหมดได้โดยพลัน
    (ก) ลูกค้าถูกศาลสั่งให้เป็นบุคคลไร้ความสามารถ ถูกศาลสั่งให้ทรัพย์สินของลูกค้าอยู่ภายใต้การจัดการของศาล หรือศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินอยู่ภายใต้การดูแลควบคุมของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
    (ข) เมื่อลูกค้าถึงแก่ความตาย
    (ค) เมื่อลูกค้าถูกบังคับคดี ถูกยึดหรืออายัดทรัพย์ หรือยอมให้ถูกยึดหรืออายัดตามกฎหมายหรือคำพิพากษา

  • 9.

    ถ้ามีเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งดังต่อไปนี้เกิดขึ้นแก่ลูกค้า บริษัทจะถือว่าเป็นเหตุผิดสัญญา ซึ่งบริษัทจะบอกกล่าวลูกค้าเป็นหนังสือ เพื่อแก้ไขเหตุผิดสัญญาดังกล่าวภายในระยะเวลาอันสมควร
    (ก) เมื่อลูกค้าไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขแห่งสัญญาฉบับนี้
    (ข) เมื่อลูกค้าให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ หรือมอบเอกสารหลักฐานใดๆ ที่มีข้อความอันเป็นเท็จ หรือเป็นเอกสารปลอมแก่บริษัท
    (ค) เมื่อลูกค้าไม่ชำระหนี้ทั้งหมดหรือบางส่วนของหนี้งวดใดงวดหนึ่งให้ถูกต้องครบถ้วนตามเงื่อนไขของสัญญาฉบับนี้

    ลูกค้าจะสูญเสียประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาทันที หากลูกค้าไม่แก้ไขเหตุแห่งการผิดสัญญาภายในเวลาที่กำหนดไว้ในคำบอกกล่าว บริษัทมีสิทธิที่จะเรียกให้ลูกค้าชำระหนี้ทั้งหมดที่ยังคงค้างชำระให้แก่บริษัทได้ทันที

    อย่างไรก็ตามกรณีที่บริษัทได้รับหนังสือยินยอมให้หักบัญชีเงินฝากธนาคารแล้ว ลูกค้ายินยอมให้บริษัทหักเงินจากบัญชีดังกล่าวได้เต็มจำนวนของยอดหนี้ที่ค้างชำระ

     

  • 10.

    บรรดาคำบอกกล่าวที่บริษัทต้องจัดทำขึ้นเป็นหนังสือตามกฎหมายหรือข้อกำหนดนี้ บริษัทจะดำเนินการจัดส่งคำบอกกล่าวนั้นทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับไปยังที่อยู่ลูกค้าที่ได้ระบุในใบสมัคร/หนังสือสัญญาฉบับนี้ หรือที่อยู่ที่ได้มีการแจ้งครั้งหลังสุด โดยให้ถือว่าเป็นการจัดส่งให้ลูกค้าโดยชอบด้วยกฎหมายและให้ถือว่าลูกค้าได้รับทราบแล้ว ลูกค้าจะต้องแจ้งบริษัทถึงการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ รายละเอียดการติดต่อ สถานที่ทำงาน หรือข้อมูลอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า โดยจะแจ้งให้บริษัททราบถึงการเปลี่ยนแปลงทุกครั้งภายใน 7 วัน นับจากวันที่ได้มีการเปลี่ยนแปลงตามวีธีการที่บริษัทกำหนด ถ้าเอกสารที่บริษัทส่งให้แก่ลูกค้านั้นไม่ถึงลูกค้า หรือ ถึงลูกค้าล่าช้า เนื่องจากลูกค้าไม่แจ้งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวให้ถือว่าการจัดส่งดังกล่าวได้ไปถึงลูกค้าแล้วโดยชอบ ณ เวลาที่หนังสือบอกกล่าวนั้นควรไปถึง ถ้าหากบริษัทได้ส่งไปยังที่อยู่ ตามที่ลูกค้าแจ้งไว้ให้แก่บริษัท ทั้งนี้ไม่จำตัองคำนึงว่าจะถึงตัวลูกค้า หรือมีผู้ใดรับไว้หรือไม่ก็ตาม ในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลถูกเปิดเผยแก่บุคคลที่สาม ด้วยเหตุผลนอกเหนือจากความรับผิดชอบของบริษัท เช่น ลูกค้าไม่แจ้งเปลี่ยนแปลงข้อมูล ความผิดพลาดในการส่งเอกสารของไปรษณีย์ เป็นต้น บริษัทจะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น ลูกค้าอาจเรียกร้องให้บริษัทเปลี่ยนแปลงวันที่ถึงกำหนดชำระหนี้ในแต่ละเดือนได้โดยแจ้งให้บริษัททราบล่วงหน้า เมื่อวันที่จะได้รับเงินได้ของลูกค้ามีการเปลี่ยนแปลงไป

  • 11.

    ไม่ว่าในระหว่างที่สัญญาฉบับนี้มีผลหรือไม่ และตลอดเวลาที่ลูกค้าเป็นลูกค้าของบริษัท ลูกค้ายินยอมให้บริษัทซึ่งเป็นสมาชิกของบริษัทข้อมูลเครดิตใช้เปิดเผย จัดส่ง และรับข้อมูลต่างๆ ของลูกค้าซึ่งเปิดเผยหรือให้แก่บริษัท หรือแก่สมาชิกและผู้ใช้บริการ และนิติบุคคลใดที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับข้อมูลเครดิต (ต่อไปนี้เรียกว่า “บริษัทข้อมูลเครดิต”) ทั้งที่ได้เปิดเผยโดยตรงต่อบริษัทและที่เป็นข้อมูลของลูกค้าที่บริษัทข้อมูลเครดิตได้รับจากสมาชิกและผู้ใช้บริการ รายอื่นเพื่อประโยชน์ในการวิเคราะห์สินเชื่อ การอนุมัติวงเงินและสินเชื่อ การทบทวนสินเชื่อ การต่ออายุสัญญาสินเชื่อ การบริหารและป้องกันความเสี่ยงตามคำสั่งของธนาคารแห่งประเทศไทยตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต หรือเพื่อวัตถุประสงค์ในทางกฎหมายและบริษัทข้อมูลเครดิตจะส่งต่อให้กับผู้ใช้บริการ ความยินยอมข้างต้น หมายความรวมถึง ลูกค้ายินยอมให้บริษัทนำข้อมูลของลูกค้าที่ได้รับจากบริษัทข้อมูลเครดิตเฉพาะส่วนที่ไม่สามารถระบุตัวตน เช่น ชื่อ นามสกุล เลขที่ประจำตัวบัตรประชาชน ไปใช้เป็นปัจจัยหนึ่งในการจัดทำแบบจำลองด้านเครดิต รวมทั้งอาจมอบหมายให้บุคคลภายนอกใดๆ ดำเนินการดังกล่าวแทนได้ ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิตซึ่งบริษัทอาจขอให้ลูกค้าลงนามให้ความยินยอมดังกล่าวในเอกสารแยกต่างหาก
    นอกจากนั้นบริษัทอาจใช้ข้อมูลของลูกค้าในการเสนอบริการ/สินค้าที่บริษัทเห็นว่าเป็นประโยชน์แก่ลูกค้า โดยเมื่อได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากลูกค้าแยกต่างหากซึ่งลูกค้ามีสิทธิปฏิเสธการให้ความยินยอมดังกล่าว ทั้งนี้ลูกค้าจะไม่เรียกร้องค่าเสียหายหรือค่าทดแทนใดๆจากบริษัทที่เกิดจากการกระทำของบริษัทข้างต้น

  • 12.

    บริษัทอาจเปลี่ยนแปลงแปลงอัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน ค่าใช้จ่ายต่างๆ และวิธีการคิดเงินต้น อัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน และค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งได้ระบุไว้ในข้อกำหนดเป็นอัตราและวิธีการตามที่บริษัทเห็นสมควร การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวให้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของข้อกำหนด

    โดยบริษัทจะปิดประกาศเผยแพร่รายละเอียดอัตราดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการและค่าธรรมเนียมใดๆและค่าใช้จ่ายตามที่ได้จ่ายไปจริงและพอสมควรแก่เหตุ เมื่อบริษัทออกประกาศหรือเปลี่ยนแปลงประกาศไว้ ในที่เปิดเผย ณ สำนักงานทุกแห่ง ตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดและบริษัทจะประกาศเผยแพร่ประกาศไว้ในเว็บไซต์ของบริษัทก่อนวันที่ประกาศนั้นจะมีผลใช้บังคับ
    บริษัทจะทำการแจ้งลูกค้าเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน และค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ทำให้ลูกค้าเสียประโยชน์ โดยการบอกกล่าวลูกค้าเป็นหนังสือไม่น้อยกว่า 30 วัน ก่อนมีการเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ดีในกรณีเร่งด่วนบริษัทจะแจ้งการเปลี่ยนแปลงโดยการประกาศในหนังสือพิมพ์ภาษาไทยรายวันไม่น้อยกว่า 7 วันและจะส่งคำบอกกล่าวเป็นหนังสือให้แก่ลูกค้าในกรณีที่มีการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยให้อีกครั้งหนึ่ง
    ทั้งนี้ ในกรณีที่บริษัทจะประกาศกำหนดหรือเปลี่ยนแปลงค่าใช้จ่ายตามที่ได้จ่ายไปจริงและพอสมควรแก่เหตุ ตามข้อ 7.2 ถึง 7.4 รวมทั้งเงื่อนไขที่เกี่ยวเนื่องกับค่าใช้จ่ายซึ่งทำให้ลูกค้าเสียประโยชน์ ลูกค้าตกลงตามอัตราที่เปลี่ยนแปลงดังกล่าว เมื่อบริษัทได้ทำการแจ้งเรื่องการเปลี่ยนแปลงอัตราค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามที่ได้จ่ายไปจริงและพอสมควรแก่เหตุดังกล่าว โดยการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่ลูกค้าเป็นหนังสือไม่น้อยกว่า 30 วัน ก่อนการเปลี่ยนแปลงมีผลใช้บังคับหรือระยะเวลาใดๆที่กฎหมายอาจกำหนดเปลี่ยนแปลง รวมทั้ง บริษัทได้ประกาศเผยแพร่ประกาศการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไว้ในที่เปิดเผย ณ สำนักงานทุกแห่ง และในเว็บไซต์ของบริษัทเพื่อให้ลูกค้าทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วัน หรือระยะเวลาใดๆที่กฎหมายอาจกำหนดเปลี่ยนแปลง ก่อนวันที่ประกาศนั้นจะมีผลใช้บังคับแล้วเท่านั้น

  • 13.

    ในกรณีที่บริษัทผ่อนผันการชำระหนี้หรือการปฏิบัติตามข้อกำหนดให้แก่ลูกค้า ไม่ถือว่าเป็นการสละสิทธิหรือเสียสิทธิอย่างใดๆของลูกค้าภายใต้สัญญาฉบับนี้

  • 14.

    คำขอสินเชื่อ ใบสมัครและสัญญาสินเชื่อหมุนเวียนทั่วไป หนังสือยินยอมเปิดเผยข้อมูลที่ลูกค้าได้ลงนาม ประกาศอัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม รวมทั้งที่บริษัทอาจประกาศกำหนดหรือเปลี่ยนแปลงในภายหลัง ถือเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาฉบับนี้ ในกรณีที่ข้อความใดข้อความหนึ่ง หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของสัญญาฉบับนี้กลายเป็นข้อความที่เป็นโมฆะ ขัดกับกฎหมาย ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่สมบูรณ์ หรือใช้บังคับมิได้ในประการใดๆ ตามกฎหมาย ให้ส่วนอื่นๆของสัญญาฉบับนี้ยังคงมีผลสมบูรณ์ และใช้บังคับได้ตามกฎหมายและไม่เสี่อมเสียไปเพราะความเป็นโมฆะ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่สมบูรณ์ หรือใช้บังคับมิได้ของข้อความดังกล่าวนั้น และให้สัญญาฉบับนี้อยู่ภายใต้บังคับและตีความตามกฎหมายไทย

  • 15.

    บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดของลูกค้าที่ให้ไว้หรือมีอยู่กับบริษัท หรือข้อมูลที่ได้รับมาจากบุคคลอื่นตามช่องทางที่ท่านได้ให้ไว้ ในขั้นตอนการสมัครหรือในระหว่างการทำธุรกรรม ไปใช้ตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทแจ้งไว้เท่านั้น โดยจะเก็บเป็นเวลา 15 ปี นับจากวันสิ้นสุดสัญญา สำหรับ Voice log / IP Address จะทำการจัดเก็บเป็นระยะเวลา 6 เดือน และ Cookies จะทำการจัดเก็บเป็นเวลา 3 เดือน

  • 16.

    บริษัทจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า ภายในขอบเขตวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

    (1) เพื่อใช้พิจารณาการสมัครสินเชื่อ, การใช้บริการอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น

    (2) เพื่อใช้ยืนยันตัวตนตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือใช้ตรวจสอบคุณสมบัติ ฯลฯ ในการใช้งานผลิตภัณฑ์หรือการบริการทางการเงิน

    (3) เพื่อใช้บริหารจัดการการทำธุรกรรมต่อเนื่อง เช่น จัดการวันกำหนดชำระของธุรกรรมสินเชื่อ เป็นต้น

    (4) เพื่อส่งมอบข้อมูลแก่บุคคลที่สามภายในขอบเขตที่จำเป็นสำหรับการดำเนินงานอย่างเหมาะสม เช่น กรณีที่ต้องส่งข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ เป็นต้น

    (5) เพื่อใช้ดำเนินงานที่ได้รับมอบหมายอย่างเหมาะสม ในกรณีที่ได้รับมอบหมายงานเกี่ยวกับการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมด หรือบางส่วนจากผู้ประกอบการอื่น

    (6) เพื่อใช้สิทธิหรือปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาที่ได้ทำกับลูกค้า, กฎหมาย ฯลฯ

    (7) เพื่อใช้ยกเลิกการทำธุรกรรมหรือใช้ในการจัดการหลังยกเลิกการทำธุรกรรม

    (8) เพื่อให้ดำเนินธุรกรรมกับลูกค้าได้อย่างเหมาะสมและราบรื่น

    (9) เพื่อใช้ในธุรกรรมอื่นๆ เช่น การโอนขายและค้ำประกันหนี้

  • 17.

    บริษัทอาจโอนสิทธิเรียกร้องทั้งหมดหรือบางส่วนที่บริษัทมีภายใต้สัญญาฉบับนี้แก่บุคคลภายนอกและอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าให้แก่บุคคลดังกล่าวเท่าที่จำเป็น ในกรณีดังกล่าวนี้บริษัทจะต้องบอกกล่าวลูกค้าเป็นหนังสือไม่น้อยกว่าหนึ่งงวดของการชำระเงินกู้หรือดอกเบี้ย ก่อนวันที่การโอนสิทธิเรียกร้องมีผลบังคับ

  • 18.

    บริษัทอาจมอบหมายให้องค์กรภายนอกที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายดำเนินการแทนบริษัทได้ โดยบริษัทสามารถเปิดเผยข้อมูลของลูกค้าให้กับองค์กรภายนอกเหล่านั้นได้เท่าที่จำเป็นภายในวัตถุประสงค์ตามข้อกำหนดสัญญา ดังต่อไปนี้
    ・เพื่อการรับสมัคร การให้กู้ และการติดตามทวงถามหนี้กับลูกค้า
    ・เพื่อใช้พิมพ์เอกสารและจัดส่งไปให้ลูกค้า
    ・เพื่อการขนส่ง จัดเก็บ ทำลายเอกสารของลูกค้า
    ・เพื่อการพัฒนา การใช้ และการบำรุงรักษาระบบที่เกี่ยวข้องกับการจัดการข้อมูล
    ของลูกค้า

    ทั้งนี้ องค์กรภายนอกดังกล่าวนั้น หมายความรวมถึง บุคคลที่อยู่ในต่างประเทศ ซึ่งอาจไม่มีการบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในระดับเดียวกับประเทศไทย

  • 19.

    บริษัทอาจขอคัดสำเนาทะเบียนบ้านของลูกค้าจากหน่วยงานรัฐ เมื่อบริษัทเห็นว่ามีความจำเป็น อาทิเช่น เพื่อการติดตามทวงถาม เป็นต้น

  • 20.

    ลูกค้าสามารถขอให้บริษัทเปิดเผย, แก้ไข, เพิ่มเติม, ลบ, หรือเพิกถอนข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับลูกค้าได้ โดยดำเนินการตามขั้นตอนที่บริษัทกำหนด ซึ่งขั้นตอนที่บริษัทกำหนด หมายถึง [การยื่นเอกสาร “หนังสือคำร้องสำหรับเจ้าของข้อมูล”] โดยสามารถรับเอกสารดังกล่าวได้ที่เว็บไซต์บริษัท(https://www.promise.co.th/)จุดให้บริการ, และทางไปรษณีย์ และในกรณีดังต่อไปนี้ บริษัทอาจจำเป็นต้องปฏิเสธคำร้องขอของลูกค้า เพื่อให้เป็นไปตามกฏหมายที่เกี่ยวข้อง

    (1) กรณีที่ไม่สามารถแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนได้ว่าผู้ยื่นคำร้องเป็นเจ้าของข้อมูลหรือมีอำนาจในการยื่นคำร้องขอดังกล่าว

    (2) คำร้องขอดังกล่าวไม่สมเหตุสมผล อาทิ กรณีที่ผู้ร้องขอไม่มีสิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล หรือไม่มีข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ที่บริษัท เป็นต้น

    (3) คำร้องขอดังกล่าวเป็นคำร้องขอฟุ่มเฟือย อาทิ เป็นคำร้องขอที่มีลักษณะเดียวกัน หรือ มีเนื้อหาเดียวกันซ้ำๆ กันโดยไม่มีเหตุอันสมควร เป็นต้น

    (4) บริษัทไม่สามารถให้ท่านเข้าถึงข้อมูล ทำสำเนา หรือ เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลได้เนื่องจากเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล และการปฏิบัติตามคำขอนั้นจะส่งผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น อาทิ การเปิดเผยข้อมูลนั้นเป็นการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามด้วย หรือ เป็นการเปิดเผยทรัพย์สินทางปัญญา หรือ ความลับทางการค้าของบุคคลที่สาม

    (5) ในกรณีที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หรือ กรณียกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย และกรณีที่มีการร้องขอให้เปิดเผย, แก้ไข, เพิ่มเติม, หรือลบเนื้อหาข้อมูลส่วนบุคคลที่รวบรวมมาได้ บริษัทจะดำเนินการให้อย่างรวดเร็ว

  • 21.

    ช่องทางการติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (DPO) มีดังนี้

    [ที่อยู่ติดต่อ]159/19-20 อาคารเสริมมิตร ทาวเวอร์ ห้อง 1201 ชั้น 12 ถนนสุขุมวิท 21 (อโศก) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110

    [หมายเลขโทรศัพท์]02-036-9302

 

ข้อกำหนดและเงื่อนไขการให้สินเชื่อฉบับนี้ ทำขึ้นเป็นสองฉบับมีความถูกต้องตรงกันทุกประการ ผู้กู้ได้อ่านและเข้าใจในข้อกำหนดและเงื่อนไขฉบับนี้โดยตลอดแล้วเห็นว่าถูกต้องตรงตามเจตนาและความประสงค์ของผู้กู้ทุกประการผู้กู้จึงได้ลงลายมือชื่อไว้ในสัญญาฉบับนี้เพื่อเป็นหลักฐานสำคัญ

  • นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
  • นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data Protection Policy)

    นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า (ลูกค้า หมายถึง บุคคลที่เป็นเป้าหมายในการดำเนินงานขายของบริษัท ซึ่งต่อไปจะใช้คำจำกัดความดังกล่าวในนโยบายฉบับนี้) กับบริษัท (บริษัท หมายถึง พรอมิส (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งต่อไปจะใช้คำจำกัดความดังกล่าวในนโยบายฉบับนี้) และสิทธิของลูกค้าที่เกี่ยวข้อง และวิธีการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลอื่นๆ ซึ่งเปิดเผยสู่สาธารณะ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแจ้งหัวข้อดังกล่าวให้ทราบ

    1. คำนิยามข้อมูลส่วนบุคคล

      ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้ระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ

    2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม

      บริษัทจะเก็บรวมรวมข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงข้อมูลอื่นๆ ดังต่อไปนี้

      1. ข้อมูลที่ระบุตัวตนได้ซึ่งถูกกรอกลงในใบสมัคร เช่น ชื่อ-สกุล อายุ วันเดือนปีเกิด เพศ เลขหนังสือเดินทาง เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ ข้อมูลการติดต่อ ข้อมูลทางการเงิน เอกสารที่ออกโดยราชการ เป็นต้น

      2. ข้อมูลที่ระบุตัวตนได้ซึ่งได้รับจากการพบเจอกับลูกค้าโดยตรง เช่น ชื่อ-สกุล วันเดือนปีเกิด เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล ข้อมูลการติดต่อ เป็นต้น

      3. ข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งได้รับแบบไม่ได้พบเจอกับลูกค้าโดยตรง (รวมถึงข้อมูลที่ได้รับจากการติดต่อทางโทรศัพท์) เช่น ชื่อ-สกุล วันเดือนปีเกิด เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ ข้อมูลการติดต่อ ไฟล์เสียงสนทนา เป็นต้น

      4. ข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งได้รับมาเป็นลายลักษณ์อักษรหรือวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ชื่อ-สกุล วันเดือนปีเกิด เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ ข้อมูลการติดต่อ เป็นต้น

      5. IP Address และ คุกกี้ ที่มาจากการเข้าถึงเว็บไซต์บริษัท (โปรดดูนโยบายเกี่ยวกับ คุกกี้ ในข้อ 9-12)

    3. วิธีการเก็บรวบรวมและแหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล

      บริษัทมีวิธีเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ดังต่อไปนี้

      1. การเก็บรวบรวมข้อมูลจากลูกค้าโดยตรง

        1. เอกสารใบสมัครที่มาจากการสมัครสินเชื่อส่วนบุคคลกับบริษัทและข้อมูลที่บริษัทได้รับจากการสอบถามทางโทรศัพท์

        2. เอกสารที่บริษัทได้รับจากการยื่นคำร้องและแบบฟอร์มประเภทต่างๆ กับบริษัท

        3. ข้อมูลที่ได้รับจากการติดต่อสอบถามเกี่ยวกับการให้บริการและที่ได้รับในระหว่างการให้บริการแก่ลูกค้าเมื่อลูกค้ามาที่จุดบริการ เมื่อไปพบลูกค้า และด้วยวิธีการการติดต่อทางโทรศัพท์ ทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือช่องทางการติดต่อสื่อสารอื่นๆ

        4. ข้อมูลที่กรอกเพื่อสมัครสินเชื่อส่วนบุคคลผ่านเว็บไซต์ของบริษัท

        5. ข้อมูลการใช้เว็บไซต์ของบริษัท ซึ่งมาจากการเข้าถึงเว็บไซต์ของบริษัท

      2. การเก็บรวบรวมข้อมูลจากบุคคลที่สาม

        1. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

        2. บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร)

        3. สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)

        4. องค์กรสื่อแต่ละประเภท (รวมถึงเว็บไซต์ข้อมูลข่าวสาร)

        5. หน่วยงานรัฐบาลหรือหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาล (รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ราชกิจจานุเบกษา เป็นต้น)

        6. ผู้เกี่ยวข้องในที่ทำงานของลูกค้าสำหรับเวลาตรวจสอบสินเชื่อ

        7. ผู้เกี่ยวข้องในที่ทำงานของลูกค้าหรือบุคคลอ้างอิงของลูกค้าสำหรับเวลาทวงถามหนี้

    4. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

      บริษัทมีวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ดังต่อไปนี้

      1. การรับสมัครสินเชื่อ การพิจารณาสินเชื่อ และการให้สินเชื่อส่วนบุคคลสำหรับลูกค้า
      2. การบริหารบัญชีสินเชื่อส่วนบุคคลของลูกค้า
      3. การพัฒนาการให้บริการลูกค้า
      4. กิจกรรมส่งเสริมการขาย
      5. การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า
      6. การพัฒนาผลิตภัณฑ์
      7. การดำเนินการตามกฏหมายแต่ละประเภท

      โดยบริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นต่อการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ข้างต้นหรือ ตามที่ท่านได้ให้ความยินยอมไว้ หรือมีฐานกฎหมายตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องอนุญาตไว้เท่านั้น

    5. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้บุคคลที่สาม

      บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้บุคคลที่สามตามกรณีดังต่อไปนี้

      1. การดำเนินการตามกฏหมายและคำร้องขอจากหน่วยงานรัฐบาล

        1. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

        2. บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร)

        3. สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)

        4. สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

        5. เจ้าหน้าที่ตำรวจ

        6. ศาล

        7. การดำเนินการตามคำร้องขอจากแต่ละหน่วยงานรัฐตามกฏหมายแห่งราชอาณาจักรไทยอื่นๆ

      2. การปฏิบัติงานเกี่ยวกับสัญญาที่มีกับลูกค้า

        1. การปฏิบัติงานเกี่ยวกับการรับสมัครลูกค้า

        2. การปฏิบัติงานเกี่ยวกับการให้เงินกู้แก่ลูกค้า

        3. การปฏิบัติงานเกี่ยวกับการบริหารบัญชี (การทวงถามหนี้)

        4. การปฏิบัติงานเกี่ยวกับการพิมพ์และส่งเอกสาร (ใบแจ้งหนี้ รายงานประจำปี จดหมายทวงถามหนี้ ฯลฯ) ไปยังลูกค้า

        5. การปฏิบัติงานเกี่ยวกับการขนส่งและจัดเก็บใบสมัครของลูกค้า

        6. การปฏิบัติงานเกี่ยวกับการพัฒนา ใช้ และบำรุงรักษาระบบการบริหารบัญชีลูกค้า

        7. ผู้ที่บริษัทโอนขายหนี้ของบริษัทให้เวลาโอนขายหนี้

      3. การปฏิบัติงานเกี่ยวกับการให้บริการลูกค้า

        1. การปฏิบัติงานเกี่ยวกับการปรับปรุงโฆษณาเกี่ยวกับการรับสมัครผ่านทางเว็บไซต์ให้มีความเหมาะสมมากที่สุด

      บุคคลที่สามที่บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้นั้น อาจรวมถึงบุคคลและนิติบุคคลในต่างประเทศ ซึ่งมีการบังคับใช้กฏหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในระดับเดียวกับประเทศไทย หรือบุคคลและนิติบุคคลในต่างประเทศ ซึ่งไม่มีการบังคับใช้กฏหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในระดับเดียวกับประเทศไทย

    6. การเก็บรักษาและระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

      บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ดังต่อไปนี้

      1. ลักษณะการเก็บ

        1. เก็บเป็นเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรและวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์

      2. สถานที่จัดเก็บ

        1. ในกรณีที่เป็นเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษร บริษัทจัดเก็บในห้องหรือตู้ที่ติดตั้งอุปกรณ์นิรภัย

        2. ในกรณีที่เป็นวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ บริษัทจัดเก็บบนเซิร์ฟเวอร์ที่ติดตั้งในห้องที่ติดตั้งอุปกรณ์นิรภัย

      3. ระยะเวลาจัดเก็บ

        ประเภทข้อมูลส่วนบุคคล ระยะเวลาจัดเก็บ
        ข้อมูลส่วนบุคคล อาทิ ชื่อ วันเดือนปีเกิด หมายเลขบัตรประชาชน ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ สถานที่ติดต่อ (ยกเว้นไฟล์เสียงสนทนา, IP Address และ คุกกี้) 15 ปี
        ไฟล์เสียงสนทนา 6 เดือน
        IP Address 6 เดือน
        คุกกี้ 3 เดือน

        เว้นแต่มีเหตุอื่นตามกฎหมายที่สามารถจัดเก็บไว้ได้นานกว่านั้น อาทิ เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเพื่อการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

      4. การดำเนินการเมื่อพ้นระยะเวลาจัดเก็บ

        1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่จัดเก็บเป็นเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษร จะทำลายภายใน 3 เดือนนับแต่สิ้นสุดระยะเวลาจัดเก็บ

        2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่จัดเก็บด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ จะลบภายใน 1 เดือนนับแต่สิ้นสุดระยะเวลาจัดเก็บ

    7. สสิทธิของลูกค้า

      ลูกค้ามีสิทธิดังต่อไปนี้

      1. สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม : ลูกค้ามีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมได้ ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าจัดเก็บอยู่กับบริษัท

      2. สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล : ลูกค้ามีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองและมีสิทธิในการขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว รวมถึงสิทธิในการขอให้บริษัทเปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ลูกค้าไม่ได้ให้ความยินยอมต่อบริษัทได้

      3. สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง : ลูกค้ามีสิทธิในการขอให้บริษัทแก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ทำให้ข้อมูลเป็นปัจจุบัน เพิ่มเติมข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์ หรือแก้ไขข้อมูลที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

      4. สิทธิในการลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ : ลูกค้ามีสิทธิในการขอให้บริษัทลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ หรือการทำให้เป็นข้อมูลนิรนามด้วยเหตุผลบางประการได้

      5. สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล : ลูกค้ามีสิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้

      6. สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล : ลูกค้ามีสิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคลที่ให้ไว้กับบริษัทไปยังผู้ควบคุมรายอื่น หรือตัวลูกค้าเองด้วยเหตุบางประการได้

      7. สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย : ลูกค้ามีสิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองด้วยเหตุบางประการได้

      8. สิทธิในการยื่นคำร้องทุกข์ : ลูกค้ามีสิทธิในการยื่นข้อโต้แย้งต่อการละเมิด ในกรณีที่บริษัทละเมิดพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

      ลูกค้าสามารถติดต่อมายังผู้รับเรื่องดำเนินการข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท เพื่อดำเนินการยื่นคำร้องขอดำเนินการตามสิทธิได้ (รายละเอียดการติดต่อระบุในหัวข้อ “15. ช่องทางติดต่อสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล”)

      และลูกค้าสามารถตรวจสอบรายละเอียดเงื่อนไข ข้อยกเว้นการใช้สิทธิต่างๆ ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้ที่เว็บไซต์กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ( http://www.mdes.go.th)

      ทั้งนี้ ลูกค้าไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ในการดำเนินการตามสิทธิข้างต้น แต่ในกรณีที่เป็นการยื่นคำร้องที่ไม่สมเหตุสมผล หรือเป็นคำร้องที่มีค่าใช้จ่ายสูงเกินควร โดยมิใช่กรณีที่กฎหมายกำหนดให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการดำเนินการดังกล่าว บริษัทอาจเก็บค่าธรรมเนียมกับลูกค้าตามความจำเป็น

      บริษัทจะแจ้งผลการพิจารณาคำร้องของลูกค้าและดำเนินการภายใน 90 วันนับแต่วันที่บริษัทได้รับคำร้องดังกล่าว

      ในกรณีดังต่อไปนี้ บริษัทอาจจำเป็นต้องปฏิเสธคำร้องขอของลูกค้า เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

      1. กรณีที่ไม่สามารถแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนได้ว่าผู้ยื่นคำร้องเป็นเจ้าของข้อมูลหรือมีอำนาจในการยื่นคำร้องขอดังกล่าว

      2. คำร้องขอดังกล่าวไม่สมเหตุสมผล อาทิ กรณีที่ผู้ร้องขอไม่มีสิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล หรือไม่มีข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ที่บริษัท

      3. คำร้องขอดังกล่าวเป็นคำร้องขอฟุ่มเฟือย อาทิ เป็นคำร้องขอที่มีลักษณะเดียวกัน หรือ มีเนื้อหาเดียวกันซ้ำๆ กันโดยไม่มีเหตุอันสมควร

      4. การปฏิบัติตามคำขอนั้นจะส่งผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น อาทิ การเปิดเผยข้อมูลนั้นเป็นการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามด้วย หรือเป็นการเปิดเผยทรัพย์สินทางปัญญา หรือความลับทางการค้าของบุคคลที่สาม

      5. เหตุอื่นตามที่กฎหมายกำหนด อาทิ การปฏิบัติตามกฎหมาย การปฏิบัติตามคำสั่งศาล หรือ การยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

    8. กิจกรรมทางการตลาดและการส่งเสริมการตลาด

      บริษัทจะส่งข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมทางการตลาด และการส่งเสริมการตลาด ที่เกี่ยวกับการให้บริการของบริษัทที่คิดว่าลูกค้าอาจสนใจเพื่อประโยชน์ในการให้บริการอย่างเต็มประสิทธิภาพ หากลูกค้ารับข้อมูลข่าวสารดังกล่าวจากบริษัท โดยลูกค้ามีสิทธิในการถอนความตกลงและปฎิเสธไม่รับข้อมูลดังกล่าวจากบริษัทได้ทุกเมื่อ โดยดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้

      1. เมื่อบริษัทโทรศัพท์หาลูกค้าเพื่อแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมทางการตลาดและการส่งเสริมการตลาด ท่านสามารถแจ้งพนักงานได้ว่าไม่ต้องการรับข้อมูลดังกล่าว

      2. โทรศัพท์ไปยังคอลเซ็นเตอร์ (1751) และแจ้งพนักงานว่าไม่ต้องการรับข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมทางการตลาด และการส่งเสริมการตลาด

    9. คำจำกัดความของคุกกี้

      คุกกี้ คือข้อความที่ถูกบันทึกในคอมพิวเตอร์ของลูกค้าเพื่อจัดเก็บรายละเอียดข้อมูล log การใช้งานเว็บไซต์ของท่านหรือพฤติกรรมการเยี่ยมชมเว็บไซต์ของท่าน ซึ่งรวมถึง ประวัติการใช้งานและข้อมูลที่ท่านกรอก ฯ ระหว่างการใช้งานเว็บไซต์บนอินเทอร์เน็ต โดยถูกบันทึกเป็นไฟล์ลงในคอมพิวเตอร์ของลูกค้าเมื่อเข้าเว็บไซต์ หากลูกค้าเข้าเว็บไซต์เดิมในครั้งถัดไป ท่านไม่จำเป็นต้องกรอกข้อมูลเดิมทุกครั้งเวลา Sign in และยังสามารถเปลี่ยนการแสดงผลสำหรับลูกค้าแต่ละท่านได้ เนื่องจากใช้การอ้างอิงจากข้อมูลคุกกี้ที่ผู้ควบคุมเว็บไซต์บันทึกลงในคอมพิวเตอร์ของท่าน และหากลูกค้าตกลงให้อนุญาตรับส่งคุกกี้ เว็บไซต์จะสามารถรับคุกกี้จากเบราว์เซอร์ของลูกค้าได้

    10. การใช้คุกกี้

      บริษัทจะจัดเก็บข้อมูลการเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์จากผู้เข้าเยี่ยมชมทุกรายผ่านคุกกี้หรือเทคโนโลยีที่ใกล้เคียง และบริษัทจะใช้ คุกกี้เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาประสิทธิภาพในการเข้าถึงบริการของบริษัทผ่านทางอินเทอร์เน็ตรวมถึงพัฒนาประสิทธิภาพในการใช้งานบริการของบริษัททางอินเทอร์เน็ต โดยการใช้ประเภทอื่นของบริษัทมีดังนี้

      1. เพื่อให้ลูกค้าสามารถ Sign in บัญชีของลูกค้าในเว็บไซต์ของบริษัทได้อย่างต่อเนื่อง

      2. บุคคลที่สามที่บริษัทว่าจ้างให้เผยแพร่โฆษณาทำการเก็บคุกกี้จากเว็บไซต์บริษัท เพื่อปรับปรุงการเผยแพร่โฆษณาให้เหมาะกับลูกค้ามากที่สุด

    11. ประเภทของคุกกี้ที่บริษัทใช้

      บริษัทใช้คุกกี้ดังต่อไปนี้ สำหรับเว็บไซต์ของบริษัท

      1. Functionality ที่ใช้ในการจดจำสิ่งที่ลูกค้าเลือกเป็น Preferences เช่น ภาษาที่ใช้ เป็นต้น

      2. Advertising ที่ใช้ในการจดจำสิ่งที่ลูกค้าเคยเยี่ยมชม เพื่อนำเสนอสินค้า บริการ หรือสื่อโฆษณาที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ตรงกับความสนใจของลูกค้า

    12. การจัดการคุกกี้

      ลูกค้าสามารถบล็อกการทำงานของคุกกี้ โดยการกำหนดค่าในเบราว์เซอร์ของท่านได้ ซึ่งท่านอาจปฏิเสธการติดตั้งค่าคุกกี้ทั้งหมดหรือบางประเภทก็ได้ แต่พึงตระหนักว่าหากท่านตั้งค่าเบราว์เซอร์ของท่านด้วยการบล็อกคุกกี้ทั้งหมด (รวมถึงคุกกี้ที่จำเป็นต่อการใช้งาน) ท่านอาจจะไม่สามารถเข้าสู่เว็บไซต์ทั้งหมดหรือบางส่วนของบริษัทได้

      การตั้งค่ามิให้เบราว์เซอร์ของลูกค้าตกลงรับคุกกี้ของบริษัท มีขั้นตอนในการจัดการคุกกี้ดังนี้

      <ขั้นตอนการตั้งค่า>

      1. Google Chrome

        https://support.google.com/chrome/answer/95647?hl=th

      2. Safari

        https://support.apple.com/th-th/guide/safari/sfri11471/mac

      3. Microsoft Edge

        https://support.microsoft.com/th-th/windows/จัดการคุกกี้ใน-microsoft-edge-ดู-อนุญาต-บล็อก-ลบ-และใช้-168dab11-0753-043d-7c16-ede5947fc64d

    13. นโยบายคุ้มครองข้อมูลของเว็บไซต์อื่นที่ผ่านบริษัท

      นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท ใช้เฉพาะสำหรับการให้บริการของบริษัทและการใช้งานเว็บไซต์ของบริษัทเท่านั้น นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ไม่ใช้กับเว็บไซต์อื่นนอกเหนือจากเว็บไซต์ของบริษัทแม้ว่าจะเข้าสู่เว็บไซต์อื่นผ่านช่องทางในเว็บไซต์ของบริษัทก็ตาม

      ดังนั้น กรุณาศึกษานโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในเว็บไซต์อื่นที่ไม่ใช่เว็บไซต์บริษัทเพื่อให้เข้าใจถึงวิธีการที่เว็บไซต์ดังกล่าวอาจนำข้อมูลของท่านไปใช้ด้วย

    14. การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

      บริษัทจะทำการทบทวนและเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้เป็นประจำเพื่อให้สอดคล้องกับกฏหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง หรือกรณีที่เห็นว่าจำเป็นต่อการปฏิบัติงาน หากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะแจ้งผ่านเว็บไซต์ของบริษัท

    15. ช่องทางติดต่อสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล

      1. ช่องทางติดต่อสอบถามภายในบริษัท

        ผู้รับเรื่องดำเนินการข้อมูลส่วนบุคคล

        159/19-20 อาคารเสริมมิตร ทาวเวอร์ ห้อง 1201 ชั้น 12 ถนนสุขุมวิท 21 (อโศก) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110

        <หมายเลขโทรศัพท์> 02-036-9302

        <เว็บไซต์>

        https://www.promise.co.th/

      2. ช่องทางติดต่อสอบถามภายนอกบริษัท

        สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

    16. การจัดทำและแก้ไขปรับปรุงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

      การจัดทำและแก้ไขปรับปรุงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทมีดังนี้

      1. จัดทำเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ 2564

      2. แก้ไขวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

      3. แก้ไขวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

      4. แก้ไขวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data Protection Policy)

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า (ลูกค้า หมายถึง บุคคลที่เป็นเป้าหมายในการดำเนินงานขายของบริษัท ซึ่งต่อไปจะใช้คำจำกัดความดังกล่าวในนโยบายฉบับนี้) กับบริษัท (บริษัท หมายถึง พรอมิส (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งต่อไปจะใช้คำจำกัดความดังกล่าวในนโยบายฉบับนี้) และสิทธิของลูกค้าที่เกี่ยวข้อง และวิธีการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลอื่นๆ ซึ่งเปิดเผยสู่สาธารณะ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแจ้งหัวข้อดังกล่าวให้ทราบ

  • 1.

    คำนิยามข้อมูลส่วนบุคคล

    ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้ระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ

  • 2.

    ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม

    บริษัทจะเก็บรวมรวมข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงข้อมูลอื่นๆ ดังต่อไปนี้

    • 1)

      ข้อมูลที่ระบุตัวตนได้ซึ่งถูกกรอกลงในใบสมัคร เช่น ชื่อ-สกุล อายุ วันเดือนปีเกิด เพศ เลขหนังสือเดินทาง เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ ข้อมูลการติดต่อ ข้อมูลทางการเงิน เอกสารที่ออกโดยราชการ เป็นต้น

    • 2)

      ข้อมูลที่ระบุตัวตนได้ซึ่งได้รับจากการพบเจอกับลูกค้าโดยตรง เช่น ชื่อ-สกุล วันเดือนปีเกิด เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล ข้อมูลการติดต่อ เป็นต้น

    • 3)

      ข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งได้รับแบบไม่ได้พบเจอกับลูกค้าโดยตรง (รวมถึงข้อมูลที่ได้รับจากการติดต่อทางโทรศัพท์) เช่น ชื่อ-สกุล วันเดือนปีเกิด เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ ข้อมูลการติดต่อ ไฟล์เสียงสนทนา เป็นต้น

    • 4)

      ข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งได้รับมาเป็นลายลักษณ์อักษรหรือวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ชื่อ-สกุล วันเดือนปีเกิด เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ ข้อมูลการติดต่อ เป็นต้น

    • 5)

      IP Address และ คุกกี้ ที่มาจากการเข้าถึงเว็บไซต์บริษัท (โปรดดูนโยบายเกี่ยวกับ คุกกี้ ในข้อ 9-12)

  • 3.

    วิธีการเก็บรวบรวมและแหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล

    บริษัทมีวิธีเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ดังต่อไปนี้

    • 1)

      การเก็บรวบรวมข้อมูลจากลูกค้าโดยตรง

      • .

        เอกสารใบสมัครที่มาจากการสมัครสินเชื่อส่วนบุคคลกับบริษัทและข้อมูลที่บริษัทได้รับจากการสอบถามทางโทรศัพท์

      • .

        เอกสารที่บริษัทได้รับจากการยื่นคำร้องและแบบฟอร์มประเภทต่างๆ กับบริษัท

      • .

        ข้อมูลที่ได้รับจากการติดต่อสอบถามเกี่ยวกับการให้บริการและที่ได้รับในระหว่างการให้บริการแก่ลูกค้าเมื่อลูกค้ามาที่จุดบริการ เมื่อไปพบลูกค้า และด้วยวิธีการการติดต่อทางโทรศัพท์ ทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือช่องทางการติดต่อสื่อสารอื่นๆ

      • .

        ข้อมูลที่กรอกเพื่อสมัครสินเชื่อส่วนบุคคลผ่านเว็บไซต์ของบริษัท

      • .

        ข้อมูลการใช้เว็บไซต์ของบริษัท ซึ่งมาจากการเข้าถึงเว็บไซต์ของบริษัท

    • 2)

      การเก็บรวบรวมข้อมูลจากบุคคลที่สาม

      • .

        ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

      • .

        บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร)

      • .

        สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)

      • .

        องค์กรสื่อแต่ละประเภท (รวมถึงเว็บไซต์ข้อมูลข่าวสาร)

      • .

        หน่วยงานรัฐบาลหรือหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาล (รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ราชกิจจานุเบกษา เป็นต้น)

      • .

        ผู้เกี่ยวข้องในที่ทำงานของลูกค้าสำหรับเวลาตรวจสอบสินเชื่อ

      • .

        ผู้เกี่ยวข้องในที่ทำงานของลูกค้าหรือบุคคลอ้างอิงของลูกค้าสำหรับเวลาทวงถามหนี้

  • 4.

    วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

    บริษัทมีวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ดังต่อไปนี้

    • 1)

      การรับสมัครสินเชื่อ การพิจารณาสินเชื่อ และการให้สินเชื่อส่วนบุคคลสำหรับลูกค้า

    • 2)

      การบริหารบัญชีสินเชื่อส่วนบุคคลของลูกค้า

    • 3)

      การพัฒนาการให้บริการลูกค้า

    • 4)

      กิจกรรมส่งเสริมการขาย

    • 5)

      การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า

    • 6)

      การพัฒนาผลิตภัณฑ์

    • 7)

      การดำเนินการตามกฏหมายแต่ละประเภท

    โดยบริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นต่อการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ข้างต้นหรือ ตามที่ท่านได้ให้ความยินยอมไว้ หรือมีฐานกฎหมายตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องอนุญาตไว้เท่านั้น

  • 5.

    การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้บุคคลที่สาม

    บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้บุคคลที่สามตามกรณีดังต่อไปนี้

    • 1)

      การดำเนินการตามกฏหมายและคำร้องขอจากหน่วยงานรัฐบาล

      • .

        ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

      • .

        บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร)

      • .

        สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)

      • .

        สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

      • .

        เจ้าหน้าที่ตำรวจ

      • .

        ศาล

      • .

        การดำเนินการตามคำร้องขอจากแต่ละหน่วยงานรัฐตามกฏหมายแห่งราชอาณาจักรไทยอื่นๆ

    • 2)

      การปฏิบัติงานเกี่ยวกับสัญญาที่มีกับลูกค้า

      • .

        การปฏิบัติงานเกี่ยวกับการรับสมัครลูกค้า

      • .

        การปฏิบัติงานเกี่ยวกับการให้เงินกู้แก่ลูกค้า

      • .

        การปฏิบัติงานเกี่ยวกับการบริหารบัญชี (การทวงถามหนี้)

      • .

        การปฏิบัติงานเกี่ยวกับการพิมพ์และส่งเอกสาร (ใบแจ้งหนี้ รายงานประจำปี จดหมายทวงถามหนี้ ฯลฯ) ไปยังลูกค้า

      • .

        การปฏิบัติงานเกี่ยวกับการขนส่งและจัดเก็บใบสมัครของลูกค้า

      • .

        การปฏิบัติงานเกี่ยวกับการพัฒนา ใช้ และบำรุงรักษาระบบการบริหารบัญชีลูกค้า

      • .

        ผู้ที่บริษัทโอนขายหนี้ของบริษัทให้เวลาโอนขายหนี้

    • 3)

      การปฏิบัติงานเกี่ยวกับการให้บริการลูกค้า

      • .

        การปฏิบัติงานเกี่ยวกับการปรับปรุงโฆษณาเกี่ยวกับการรับสมัครผ่านทางเว็บไซต์ให้มีความเหมาะสมมากที่สุด

    บุคคลที่สามที่บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้นั้น อาจรวมถึงบุคคลและนิติบุคคลในต่างประเทศ ซึ่งมีการบังคับใช้กฏหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในระดับเดียวกับประเทศไทย หรือบุคคลและนิติบุคคลในต่างประเทศ ซึ่งไม่มีการบังคับใช้กฏหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในระดับเดียวกับประเทศไทย

  • 6.

    การเก็บรักษาและระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

    บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ดังต่อไปนี้

    • 1)

      ลักษณะการเก็บ

      • .

        เก็บเป็นเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรและวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์

    • 2)

      สถานที่จัดเก็บ

      • .

        ในกรณีที่เป็นเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษร บริษัทจัดเก็บในห้องหรือตู้ที่ติดตั้งอุปกรณ์นิรภัย

      • .

        ในกรณีที่เป็นวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ บริษัทจัดเก็บบนเซิร์ฟเวอร์ที่ติดตั้งในห้องที่ติดตั้งอุปกรณ์นิรภัย

    • 3)

      ระยะเวลาจัดเก็บ

      ประเภทข้อมูลส่วนบุคคล ระยะเวลาจัดเก็บ
      ข้อมูลส่วนบุคคล อาทิ ชื่อ วันเดือนปีเกิด หมายเลขบัตรประชาชน ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ สถานที่ติดต่อ (ยกเว้นไฟล์เสียงสนทนา, IP Address และ คุกกี้) 15 ปี
      ไฟล์เสียงสนทนา 6 เดือน
      IP Address 6 เดือน
      คุกกี้ 3 เดือน

      เว้นแต่มีเหตุอื่นตามกฎหมายที่สามารถจัดเก็บไว้ได้นานกว่านั้น อาทิ เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเพื่อการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

    • 4)

      การดำเนินการเมื่อพ้นระยะเวลาจัดเก็บ

      • .

        ข้อมูลส่วนบุคคลที่จัดเก็บเป็นเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษร จะทำลายภายใน 3 เดือนนับแต่สิ้นสุดระยะเวลาจัดเก็บ

      • .

        ข้อมูลส่วนบุคคลที่จัดเก็บด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ จะลบภายใน 1 เดือนนับแต่สิ้นสุดระยะเวลาจัดเก็บ

  • 7.

    สิทธิของลูกค้า

    ลูกค้ามีสิทธิดังต่อไปนี้

    • 1)

      สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม : ลูกค้ามีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมได้ ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าจัดเก็บอยู่กับบริษัท

    • 2)

      สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล : ลูกค้ามีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองและมีสิทธิในการขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว รวมถึงสิทธิในการขอให้บริษัทเปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ลูกค้าไม่ได้ให้ความยินยอมต่อบริษัทได้

    • 3)

      สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง : ลูกค้ามีสิทธิในการขอให้บริษัทแก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ทำให้ข้อมูลเป็นปัจจุบัน เพิ่มเติมข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์ หรือแก้ไขข้อมูลที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

    • 4)

      สิทธิในการลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ : ลูกค้ามีสิทธิในการขอให้บริษัทลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ หรือการทำให้เป็นข้อมูลนิรนามด้วยเหตุผลบางประการได้

    • 5)

      สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล : ลูกค้ามีสิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้

    • 6)

      สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล : ลูกค้ามีสิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคลที่ให้ไว้กับบริษัทไปยังผู้ควบคุมรายอื่น หรือตัวลูกค้าเองด้วยเหตุบางประการได้

    • 7)

      สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย : ลูกค้ามีสิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองด้วยเหตุบางประการได้

    • 8)

      สิทธิในการยื่นคำร้องทุกข์ : ลูกค้ามีสิทธิในการยื่นข้อโต้แย้งต่อการละเมิด ในกรณีที่บริษัทละเมิดพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

    ลูกค้าสามารถติดต่อมายังผู้รับเรื่องดำเนินการข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท เพื่อดำเนินการยื่นคำร้องขอดำเนินการตามสิทธิได้ (รายละเอียดการติดต่อระบุในหัวข้อ “15. ช่องทางติดต่อสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล”)

    และลูกค้าสามารถตรวจสอบรายละเอียดเงื่อนไข ข้อยกเว้นการใช้สิทธิต่างๆ ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้ที่เว็บไซต์กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ( http://www.mdes.go.th)

    ทั้งนี้ ลูกค้าไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ในการดำเนินการตามสิทธิข้างต้น แต่ในกรณีที่เป็นการยื่นคำร้องที่ไม่สมเหตุสมผล หรือเป็นคำร้องที่มีค่าใช้จ่ายสูงเกินควร โดยมิใช่กรณีที่กฎหมายกำหนดให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการดำเนินการดังกล่าว บริษัทอาจเก็บค่าธรรมเนียมกับลูกค้าตามความจำเป็น

    บริษัทจะแจ้งผลการพิจารณาคำร้องของลูกค้าและดำเนินการภายใน 90 วันนับแต่วันที่บริษัทได้รับคำร้องดังกล่าว

    ในกรณีดังต่อไปนี้ บริษัทอาจจำเป็นต้องปฏิเสธคำร้องขอของลูกค้า เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

    • 1)

      กรณีที่ไม่สามารถแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนได้ว่าผู้ยื่นคำร้องเป็นเจ้าของข้อมูลหรือมีอำนาจในการยื่นคำร้องขอดังกล่าว

    • 2)

      คำร้องขอดังกล่าวไม่สมเหตุสมผล อาทิ กรณีที่ผู้ร้องขอไม่มีสิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล หรือไม่มีข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ที่บริษัท

    • 3)

      คำร้องขอดังกล่าวเป็นคำร้องขอฟุ่มเฟือย อาทิ เป็นคำร้องขอที่มีลักษณะเดียวกัน หรือ มีเนื้อหาเดียวกันซ้ำๆ กันโดยไม่มีเหตุอันสมควร

    • 4)

      การปฏิบัติตามคำขอนั้นจะส่งผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น อาทิ การเปิดเผยข้อมูลนั้นเป็นการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามด้วย หรือเป็นการเปิดเผยทรัพย์สินทางปัญญา หรือความลับทางการค้าของบุคคลที่สาม

    • 5)

      เหตุอื่นตามที่กฎหมายกำหนด อาทิ การปฏิบัติตามกฎหมาย การปฏิบัติตามคำสั่งศาล หรือ การยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

  • 8.

    กิจกรรมทางการตลาดและการส่งเสริมการตลาด

    บริษัทจะส่งข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมทางการตลาด และการส่งเสริมการตลาด ที่เกี่ยวกับการให้บริการของบริษัทที่คิดว่าลูกค้าอาจสนใจเพื่อประโยชน์ในการให้บริการอย่างเต็มประสิทธิภาพ หากลูกค้ารับข้อมูลข่าวสารดังกล่าวจากบริษัท โดยลูกค้ามีสิทธิในการถอนความตกลงและปฎิเสธไม่รับข้อมูลดังกล่าวจากบริษัทได้ทุกเมื่อ โดยดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้

    • 1)

      เมื่อบริษัทโทรศัพท์หาลูกค้าเพื่อแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมทางการตลาดและการส่งเสริมการตลาด ท่านสามารถแจ้งพนักงานได้ว่าไม่ต้องการรับข้อมูลดังกล่าว

    • 2)

      โทรศัพท์ไปยังคอลเซ็นเตอร์ (1751) และแจ้งพนักงานว่าไม่ต้องการรับข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมทางการตลาด และการส่งเสริมการตลาด

  • 9.

    คำจำกัดความของคุกกี้

    คุกกี้ คือข้อความที่ถูกบันทึกในคอมพิวเตอร์ของลูกค้าเพื่อจัดเก็บรายละเอียดข้อมูล log การใช้งานเว็บไซต์ของท่านหรือพฤติกรรมการเยี่ยมชมเว็บไซต์ของท่าน ซึ่งรวมถึง ประวัติการใช้งานและข้อมูลที่ท่านกรอก ฯ ระหว่างการใช้งานเว็บไซต์บนอินเทอร์เน็ต โดยถูกบันทึกเป็นไฟล์ลงในคอมพิวเตอร์ของลูกค้าเมื่อเข้าเว็บไซต์ หากลูกค้าเข้าเว็บไซต์เดิมในครั้งถัดไป ท่านไม่จำเป็นต้องกรอกข้อมูลเดิมทุกครั้งเวลา Sign in และยังสามารถเปลี่ยนการแสดงผลสำหรับลูกค้าแต่ละท่านได้ เนื่องจากใช้การอ้างอิงจากข้อมูลคุกกี้ที่ผู้ควบคุมเว็บไซต์บันทึกลงในคอมพิวเตอร์ของท่าน และหากลูกค้าตกลงให้อนุญาตรับส่งคุกกี้ เว็บไซต์จะสามารถรับคุกกี้จากเบราว์เซอร์ของลูกค้าได้

  • 10.

    การใช้คุกกี้

    บริษัทจะจัดเก็บข้อมูลการเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์จากผู้เข้าเยี่ยมชมทุกรายผ่านคุกกี้หรือเทคโนโลยีที่ใกล้เคียง และบริษัทจะใช้ คุกกี้เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาประสิทธิภาพในการเข้าถึงบริการของบริษัทผ่านทางอินเทอร์เน็ตรวมถึงพัฒนาประสิทธิภาพในการใช้งานบริการของบริษัททางอินเทอร์เน็ต โดยการใช้ประเภทอื่นของบริษัทมีดังนี้

    • 1)

      เพื่อให้ลูกค้าสามารถ Sign in บัญชีของลูกค้าในเว็บไซต์ของบริษัทได้อย่างต่อเนื่อง

    • 2)

      บุคคลที่สามที่บริษัทว่าจ้างให้เผยแพร่โฆษณาทำการเก็บคุกกี้จากเว็บไซต์บริษัท เพื่อปรับปรุงการเผยแพร่โฆษณาให้เหมาะกับลูกค้ามากที่สุด

  • 11.

    ประเภทของคุกกี้ที่บริษัทใช้

    บริษัทใช้คุกกี้ดังต่อไปนี้ สำหรับเว็บไซต์ของบริษัท

    • 1)

      Functionality ที่ใช้ในการจดจำสิ่งที่ลูกค้าเลือกเป็น Preferences เช่น ภาษาที่ใช้ เป็นต้น

    • 2)

      Advertising ที่ใช้ในการจดจำสิ่งที่ลูกค้าเคยเยี่ยมชม เพื่อนำเสนอสินค้า บริการ หรือสื่อโฆษณาที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ตรงกับความสนใจของลูกค้า

  • 12.

    การจัดการคุกกี้

    ลูกค้าสามารถบล็อกการทำงานของคุกกี้ โดยการกำหนดค่าในเบราว์เซอร์ของท่านได้ ซึ่งท่านอาจปฏิเสธการติดตั้งค่าคุกกี้ทั้งหมดหรือบางประเภทก็ได้ แต่พึงตระหนักว่าหากท่านตั้งค่าเบราว์เซอร์ของท่านด้วยการบล็อกคุกกี้ทั้งหมด (รวมถึงคุกกี้ที่จำเป็นต่อการใช้งาน) ท่านอาจจะไม่สามารถเข้าสู่เว็บไซต์ทั้งหมดหรือบางส่วนของบริษัทได้

    การตั้งค่ามิให้เบราว์เซอร์ของลูกค้าตกลงรับคุกกี้ของบริษัท มีขั้นตอนในการจัดการคุกกี้ดังนี้

    <ขั้นตอนการตั้งค่า>

  • 13.

    นโยบายคุ้มครองข้อมูลของเว็บไซต์อื่นที่ผ่านบริษัท

    นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท ใช้เฉพาะสำหรับการให้บริการของบริษัทและการใช้งานเว็บไซต์ของบริษัทเท่านั้น นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ไม่ใช้กับเว็บไซต์อื่นนอกเหนือจากเว็บไซต์ของบริษัทแม้ว่าจะเข้าสู่เว็บไซต์อื่นผ่านช่องทางในเว็บไซต์ของบริษัทก็ตาม

    ดังนั้น กรุณาศึกษานโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในเว็บไซต์อื่นที่ไม่ใช่เว็บไซต์บริษัทเพื่อให้เข้าใจถึงวิธีการที่เว็บไซต์ดังกล่าวอาจนำข้อมูลของท่านไปใช้ด้วย

  • 14.

    การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

    บริษัทจะทำการทบทวนและเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้เป็นประจำเพื่อให้สอดคล้องกับกฏหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง หรือกรณีที่เห็นว่าจำเป็นต่อการปฏิบัติงาน หากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะแจ้งผ่านเว็บไซต์ของบริษัท

  • 15.

    ช่องทางติดต่อสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล

    • 1)

      ช่องทางติดต่อสอบถามภายในบริษัท

      ผู้รับเรื่องดำเนินการข้อมูลส่วนบุคคล

      159/19-20 อาคารเสริมมิตร ทาวเวอร์ ห้อง 1201 ชั้น 12 ถนนสุขุมวิท 21 (อโศก) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110

      <หมายเลขโทรศัพท์> 02-036-9302

      <เว็บไซต์>

      https://www.promise.co.th/

    • 2)

      ช่องทางติดต่อสอบถามภายนอกบริษัท

      สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

  • 16.

    การจัดทำและแก้ไขปรับปรุงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

    การจัดทำและแก้ไขปรับปรุงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทมีดังนี้

    • 1)

      จัดทำเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ 2564

    • 2)

      แก้ไขวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

    • 3)

      แก้ไขวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

    • 4)

      แก้ไขวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

Confirm data

คำนำหน้า
ชื่อ
นามสกุล {{surname}}
เลขที่บัตรประชาชน {{id_number}}
โทรศัพท์มือถือ {{tel}}
วันเดือนปีเกิด {{birthday_application}}
ที่อยู่ปัจจุบัน {{address_application}}
เขต/อำเภอ {{area_application}}
อาชีพ {{employment_type_application}}
ระยะเวลาการทำงาน {{experience_years}} ปี {{experience_months}} เดือน
เงินเดือน {{month_income}} บาท/เดือน
ฉันยอมรับข้อกำหนดในการให้บริการ

* ไม่จำเป็นต้องสมัครซ้ำ!

หากท่านสมัครเรียบร้อย ท่านจะได้รับ SMS แจ้งให้ทราบทันที และเจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับไปด้วยเบอร์ 02-036-9345 โดยเร็วที่สุด
(หากไม่สามารถติดต่อได้เจ้าหน้าที่จะติดต่ออีกครั้งในภายหลัง และหากเร่งด่วนกรุณาติดต่อ 02-036-9345)

Complete data

ขอบคุณสำหรับการสมัครสินเชื่อพรอมิส

หากท่านสมัครเรียบร้อย ท่านจะได้รับ SMS แจ้งให้ทราบทันที และเจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับไปด้วยเบอร์ 02-036-9345 โดยเร็วที่สุด
(หากไม่สามารถติดต่อได้เจ้าหน้าที่จะติดต่ออีกครั้งในภายหลัง และหากเร่งด่วนกรุณาติดต่อ 02-036-9345)

* ไม่จำเป็นต้องสมัครซ้ำ!


※ หากท่านไม่ได้รับการติดต่อกลับ กรุณาติดต่อ Call Center 1751
หากท่านลูกค้าไม่ได้รับการติดต่อกลับภายใน 2 วันทำการ กรุณาติดต่อ Call Center 1751

รายละเอียดสมัครสินเชื่อเงินด่วน

รายละเอียดสมัครสินเชื่อเงินด่วน

พรอมิส เป็นผู้ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลประเภทหมุนเวียนด้วยวิธีการรับเงินสดหรือโอนผ่านธนาคาร ถ้าชำระคืน วงเงินกู้ยืมจะสามารถกลับมาใช้ได้อีกจนกว่าบริษัทจะระงับ/ยกเลิกการใช้บริการตามข้อสัญญาและเงื่อนไขที่บริษัทฯ และธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด (วงเงินอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามเงื่อนไขการพิจารณาสินเชื่อของบริษัทฯ และหากข้อมูลลูกค้ามีการเปลี่ยนแปลงอาจจำเป็นต้องยื่นเอกสารเพิ่ม)

เอกสารเปิดเผยข้อมูลผลิตภัณฑ์

สิทธิประโยชน์สำหรับลูกค้าสมัครสินเชื่อเงินด่วนพรอมิส

1. กู้เงินได้โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์หรือผู้ค้ำประกัน
2. สามารถกู้เพิ่มได้ แม้จะยังไม่ปิดบัญชี
3. ปิดบัญชีก่อนกำหนด ไม่เสียค่ายกเลิกสัญญา

อัตราดอกเบี้ยในการสมัครสินเชื่อเงินด่วน

พรอมิสเป็นสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำสุด 15% - อัตราสูงสุด 25% ต่อปี โดยแบ่งเป็น

• ดอกเบี้ย 15% ต่อปี วิธีคำนวณคือ (เงินต้นคงค้าง x อัตราดอกเบี้ย x จำนวนวันในแต่ละรอบบัญชี) / 365 *ปัดเศษทศนิยมทิ้ง
• ค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงิน 0.00%-10.00% ต่อปี วิธีคำนวณคือ (เงินต้นคงค้าง x อัตราธรรมเนียมในการใช้วงเงิน x จำนวนวันในแต่ละรอบบัญชี) / 365 *ปัดเศษทศนิยมทิ้ง
* อัตราดอกเบี้ยของการกู้เงินกับพรอมิส อยู่ภายใต้กฏระเบียบและเงื่อนไขของธนาคารแห่งประเทศไทย พรอมิสจึงเป็นสินเชื่อถูกกฎหมาย

โดยลูกค้าจะต้องชำระเงินต้น ดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงินและค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่จำเป็นต้องจ่ายให้แก่บริษัทตามข้อกำหนดนี้ ตามกำหนดวันชำระรายเดือนที่บริษัทและลูกค้าตกลงร่วมกัน

รายละเอียดเพิ่มเติม

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในการสมัครสินเชื่อเงินด่วน

• ค่าอากรแสตมป์ 1 บาทต่อทุกๆ วงเงินที่อนุมัติ 2,000 บาท และ 1 บาท สำหรับเศษของ 2,000 บาท
• ค่าใช้จ่ายในการชำระเงินผ่านหน่วยงานอื่น 10-35 บาท/ครั้ง
• ค่าธรรมเนียมในการตรวจสอบข้อมูลเครดิต (กรณีลูกค้าสมัครใหม่และเปลี่ยนสัญญา)
 - กรณีปรากฏข้อมูลสืบค้นหรือข้อมูลบัญชี 12 บาท/ครั้ง
 - กรณีไม่ปรากฏทั้งข้อมูลสืบค้นหรือข้อมูลบัญชี 5 บาท/ครั้ง
 (ไม่เก็บค่าธรรมเนียมในกรณีที่ผลการอนุมัติไม่ผ่าน)
• ค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงถามหนี้
 - ค้างชำระตั้งแต่ 1 วัน จนถึง 30 วันคิดเป็นจำนวน 50 บาท
 - ค้างชำระเกิน 30 วันคิดเพิ่ม 100 บาท และตั้งแต่นั้นเป็นต้นไป จะคิดเพิ่มอีก 100 บาท ทุกๆ 30 วัน
 - กรณีที่ค่างวด หรือยอดเรียกชำระในแต่ละเดือน ไม่เกิน 1,000 บาท จะไม่เกิดค่าติดตามทวงถามหนี้
*บริษัทไม่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายในกรณีที่เงินในบัญชีไม่พอจ่าย (กรณีชำระหนี้โดยการหักบัญชีกับ

สถาบันการเงินอื่น) ค่าขอใบแจ้งหนี้ยอดบัญชีของแต่ละงวด (ชุดที่ 2 เป็นต้นไป) และค่าขอตรวจสอบรายการ

วงเงินสินเชื่อ

วงเงินสินเชื่อ

• สำหรับผู้ที่มีรายได้ต่อเดือนไม่ถึง 30,000 บาท วงเงินอนุมัติสูงสุดไม่เกิน 1.5 เท่าของรายได้ต่อเดือน และมีสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทยกับสถาบันการเงินรวมสินเชื่อส่วนบุคคลพรอมิสแล้วไม่เกิน 3 สถาบัน
• สำหรับผู้ที่มีรายได้ต่อเดือนตั้งแต่ 30,000 บาท วงเงินสูงสุดไม่เกิน 5 เท่าของรายได้ต่อเดือนหรือไม่เกิน 300,000 บาท แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งจะต่ำกว่า

 

โหลดแอปพรอมิส เช็คสถานะการกู้เงิน เช่น จำนวนเงินต้นคงค้าง จำนวนเงินคงเหลือที่สามารถขอเพิ่มวงเงินกู้ได้ วันครบกำหนดชำระเงินกู้และจำนวนเงินที่ต้องชำระ รวมทั้งสมัครเพิ่มวงเงินกู้ กู้เพิ่ม หรือเรียกดู e-Statement ก็ทำได้ง่ายและรวดเร็ว
ค้นหา "PROMISE (THAILAND)" ได้แล้ววันนี้ที่ Google Play และ App Store

คุณสมบัติผู้สมัครสินเชื่อเงินด่วนพรอมิส

คุณสมบัติผู้สมัครสินเชื่อเงินด่วนพรอมิส

1. บุคคลที่อายุตั้งแต่ 20 – 64 ปี
2. จำกัดเฉพาะผู้ที่มีสัญชาติไทย
3. บุคคลที่มีรายได้ต่อเดือน 8,000 บาท ขึ้นไป
(ผู้ที่แสดงสลิปเงินเดือนหรือหนังสือรับรองเงินเดือนได้)
4. อายุการทำงานปัจจุบัน 1 เดือนขึ้นไป
5. มีที่พักอาศัยหรือที่ทำงานอยู่ในเขตพื้นที่ให้บริการ
6. มีหมายเลขโทรศัพท์ที่ติดต่อได้
* เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ และธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด

เอกสารประกอบการสมัครสินเชื่อเงินด่วน

เอกสารประกอบการสมัครสินเชื่อเงินด่วน

1. บัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง
2. สลิปเงินเดือน หรือหนังสือรับรองเงินเดือนตัวจริง อายุไม่เกิน 60 วัน

การชำระคืน

รูปแบบการชำระคืนเงินกู้

รูปแบบการชำระคืนเงินกู้ เป็นการคิดอัตราการชำระขั้นต่ำเป็นจำนวนเงินอย่างใดอย่างหนึ่งที่มากกว่า ดังต่อไปนี้
3% ของยอดคงเหลือ (ปัดเศษทศนิยมทิ้ง) หรือไม่ต่ำกว่า 300 บาท

ตัวอย่างระยะเวลาการผ่อนชำระคืนเงินกู้

ยอดรับวงเงินกู้(บาท) ยอดชำระต่อเดือน จำนวนงวดการผ่อนชำระ
15,000 รูปแบบการชำระคืนเงินกู้
คิดอัตราการชำระขั้นต่ำเป็น
จำนวนเงินอย่างใดอย่างหนึ่ง
ที่มากกว่า ดังต่อไปนี้
・3% ของยอดคงเหลือ
(ปัดเศษทศนิยมทิ้ง)
・ไม่ต่ำกว่า 300 บาท
ระยะเวลาการผ่อนชำระ
3 - 102 เดือน
30,000 ระยะเวลาการผ่อนชำระ
3 - 177 เดือน
300,000 ระยะเวลาการผ่อนชำระ
3 - 428 เดือน
*จำนวนงวดอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามจำนวนวันของเดือนที่เริ่มชำระเงินกู้
*คำนวณโดยไม่มีการกู้เพิ่ม
*จำนวนงวดข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างของจำนวนงวดการผ่อนชำระเงินกู้ ลูกค้าสามารถเลือกระยะผ่อนชำระคืนได้อย่างอิสระ โดยต้องชำระภายในเวลาที่กำหนด เป็นจำนวนเงินไม่น้อยกว่าอัตราการชำระขั้นต่ำในแต่ละงวดตั้งแต่งวดแรกของการกู้ยืมเป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ไม่มีนโยบายเรียกเก็บเงินเต็มจำนวนภายใน 60 วัน นับจากวันที่รับวงเงินกู้

ตัวอย่างแสดงภาระหนี้สินของสินเชื่อหมุนเวียนทั่วไป

ในกรณีที่ลูกค้ารับวงเงินกู้จำนวน 10,000 บาท อัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินรวม 25% ต่อปี ผ่อนชำระเป็นเวลา 12 งวด งวดละ 1,000 บาท (ยกเว้นงวดสุดท้าย ชำระ 325 บาท) จะได้จำนวนเงินรวมที่ต้องชำระทั้งหมด 11,325 บาท โดยลูกค้าจะมีภาระหนี้ในแต่ละเดือนดังนี้

รวมชำระต่องวด ชำระดอกเบี้ย ชำระคืนเงินต้น เงินต้นคงค้าง
งวด (1) (2) (3) (4)
0 10,000
1 1,000 208 792 9,208
2 1,000 191 809 8,399
3 1,000 174 826 7,573
4 1,000 157 843 6,730
5 1,000 140 860 5,870
6 1,000 122 878 4,992
7 1,000 104 896 4,096
8 1,000 85 915 3,181
9 1,000 66 934 2,247
10 1,000 46 954 1,293
11 1,000 26 974 319
12 325 6 319 0
รวม 11,325 1,325 10,000

(1) จำนวนเงินรวมของแต่ละงวดชำระ
(2) เงินต้นคงค้างสิ้นงวดที่แล้วคูณด้วยอัตราดอกเบี้ยประจำปี (ดอกเบี้ย 15% * ค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงิน 10%) หารด้วย 12 เดือน
(3) จำนวนเงินที่ชำระต่อเดือนหักด้วยดอกเบี้ยในแต่ละงวด
(4) เงินต้นคงค้างในงวดที่แล้วหักด้วยเงินต้นที่ชำระในงวดนี้

*จำนวนครั้งในการผ่อนชำระขึ้นอยู่กับสินค้า, ยอดเงินกู้, ยอดผ่อนชำระในแต่ละเดือน
*ยอดชำระรายเดือนขั้นต่ำจะแจ้งให้ทราบในใบแจ้งหนี้
*หากท่านต้องการให้ยอดเงินที่ชำระเข้ามานำไปตัดเงินต้นมากขึ้น ท่านสามารถชำระเงินมากกว่าขั้นต่ำที่กำหนดไว้
*กรณีที่มีการชำระล่าช้า ลูกค้าต้องชำระค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในการติดตามทวงถามหนี้

ตัวอย่างการคำนวณยอดชำระขั้นต่ำ

3% ของยอดคงเหลือ 5,000 คิดเป็น 150 บาท แต่เนื่องจากต่ำกว่า 300 บาท ยอดชำระเงินขั้นต่ำจึงคิดเป็น 300 บาท*


*คำนวณโดยไม่มีการกู้เพิ่ม
*คำนวณโดยการผ่อนชำระตามกำหนด
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ และธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
*บริษัทฯ ไม่มีนโยบายเรียกเก็บเงินเต็มจำนวนภายใน 60 วัน นับจากวันที่รับวงเงินกู้ ลูกค้าสามารถเลือกระยะผ่อนชำระคืนได้อย่างอิสระ โดยมีขั้นต่ำตามเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนดคือ 3% ของยอดคงเหลือ หรือไม่ต่ำกว่า 300 บาท อย่างใดอย่างหนึ่งที่มากกว่า

กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว
ดอกเบี้ย 15%-25% ต่อปี