นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

Submitted by root on Wed, 09/16/2020 - 11:23

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data Protection Policy)

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า (ลูกค้า หมายถึง บุคคลที่เป็นเป้าหมายในการดำเนินงานขายของบริษัท ซึ่งต่อไปจะใช้คำจำกัดความดังกล่าวในนโยบายฉบับนี้) กับบริษัท (บริษัท หมายถึง พรอมิส (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งต่อไปจะใช้คำจำกัดความดังกล่าวในนโยบายฉบับนี้) และสิทธิของลูกค้าที่เกี่ยวข้อง และวิธีการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลอื่นๆ ซึ่งเปิดเผยสู่สาธารณะ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแจ้งหัวข้อดังกล่าวให้ทราบ

  1. คำนิยามข้อมูลส่วนบุคคล

    ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้ระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ

  2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม

    บริษัทจะเก็บรวมรวมข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงข้อมูลอื่นๆ ดังต่อไปนี้

    1. ข้อมูลที่ระบุตัวตนได้ซึ่งถูกกรอกลงในใบสมัคร เช่น ชื่อ-สกุล อายุ วันเดือนปีเกิด เพศ เลขหนังสือเดินทาง เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ ข้อมูลการติดต่อ ข้อมูลทางการเงิน เอกสารที่ออกโดยราชการ เป็นต้น

    2. ข้อมูลที่ระบุตัวตนได้ซึ่งได้รับจากการพบเจอกับลูกค้าโดยตรง เช่น ชื่อ-สกุล วันเดือนปีเกิด เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล ข้อมูลการติดต่อ เป็นต้น

    3. ข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งได้รับแบบไม่ได้พบเจอกับลูกค้าโดยตรง (รวมถึงข้อมูลที่ได้รับจากการติดต่อทางโทรศัพท์) เช่น ชื่อ-สกุล วันเดือนปีเกิด เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ ข้อมูลการติดต่อ ไฟล์เสียงสนทนา เป็นต้น

    4. ข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งได้รับมาเป็นลายลักษณ์อักษรหรือวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ชื่อ-สกุล วันเดือนปีเกิด เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ ข้อมูลการติดต่อ เป็นต้น

    5. IP Address และ คุกกี้ ที่มาจากการเข้าถึงเว็บไซต์บริษัท (โปรดดูนโยบายเกี่ยวกับ คุกกี้ ในข้อ 9-12)

  3. วิธีการเก็บรวบรวมและแหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล

    บริษัทมีวิธีเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ดังต่อไปนี้

    1. การเก็บรวบรวมข้อมูลจากลูกค้าโดยตรง

      1. เอกสารใบสมัครที่มาจากการสมัครสินเชื่อส่วนบุคคลกับบริษัทและข้อมูลที่บริษัทได้รับจากการสอบถามทางโทรศัพท์

      2. เอกสารที่บริษัทได้รับจากการยื่นคำร้องและแบบฟอร์มประเภทต่างๆ กับบริษัท

      3. ข้อมูลที่ได้รับจากการติดต่อสอบถามเกี่ยวกับการให้บริการและที่ได้รับในระหว่างการให้บริการแก่ลูกค้าเมื่อลูกค้ามาที่จุดบริการ เมื่อไปพบลูกค้า และด้วยวิธีการการติดต่อทางโทรศัพท์ ทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือช่องทางการติดต่อสื่อสารอื่นๆ

      4. ข้อมูลที่กรอกเพื่อสมัครสินเชื่อส่วนบุคคลผ่านเว็บไซต์ของบริษัท

      5. ข้อมูลการใช้เว็บไซต์ของบริษัท ซึ่งมาจากการเข้าถึงเว็บไซต์ของบริษัท

    2. การเก็บรวบรวมข้อมูลจากบุคคลที่สาม

      1. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

      2. บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร)

      3. สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)

      4. องค์กรสื่อแต่ละประเภท (รวมถึงเว็บไซต์ข้อมูลข่าวสาร)

      5. หน่วยงานรัฐบาลหรือหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาล (รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ราชกิจจานุเบกษา เป็นต้น)

      6. ผู้เกี่ยวข้องในที่ทำงานของลูกค้าสำหรับเวลาตรวจสอบสินเชื่อ

      7. ผู้เกี่ยวข้องในที่ทำงานของลูกค้าหรือบุคคลอ้างอิงของลูกค้าสำหรับเวลาทวงถามหนี้

  4. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

    บริษัทมีวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ดังต่อไปนี้

    1. การรับสมัครสินเชื่อ การพิจารณาสินเชื่อ และการให้สินเชื่อส่วนบุคคลสำหรับลูกค้า
    2. การบริหารบัญชีสินเชื่อส่วนบุคคลของลูกค้า
    3. การพัฒนาการให้บริการลูกค้า
    4. กิจกรรมส่งเสริมการขาย
    5. การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า
    6. การพัฒนาผลิตภัณฑ์
    7. การดำเนินการตามกฏหมายแต่ละประเภท

    โดยบริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นต่อการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ข้างต้นหรือ ตามที่ท่านได้ให้ความยินยอมไว้ หรือมีฐานกฎหมายตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องอนุญาตไว้เท่านั้น

  5. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้บุคคลที่สาม

    บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้บุคคลที่สามตามกรณีดังต่อไปนี้

    1. การดำเนินการตามกฏหมายและคำร้องขอจากหน่วยงานรัฐบาล

      1. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

      2. บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร)

      3. สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)

      4. สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

      5. เจ้าหน้าที่ตำรวจ

      6. ศาล

      7. การดำเนินการตามคำร้องขอจากแต่ละหน่วยงานรัฐตามกฏหมายแห่งราชอาณาจักรไทยอื่นๆ

    2. การปฏิบัติงานเกี่ยวกับสัญญาที่มีกับลูกค้า

      1. การปฏิบัติงานเกี่ยวกับการรับสมัครลูกค้า

      2. การปฏิบัติงานเกี่ยวกับการให้เงินกู้แก่ลูกค้า

      3. การปฏิบัติงานเกี่ยวกับการบริหารบัญชี (การทวงถามหนี้)

      4. การปฏิบัติงานเกี่ยวกับการพิมพ์และส่งเอกสาร (ใบแจ้งหนี้ รายงานประจำปี จดหมายทวงถามหนี้ ฯลฯ) ไปยังลูกค้า

      5. การปฏิบัติงานเกี่ยวกับการขนส่งและจัดเก็บใบสมัครของลูกค้า

      6. การปฏิบัติงานเกี่ยวกับการพัฒนา ใช้ และบำรุงรักษาระบบการบริหารบัญชีลูกค้า

      7. ผู้ที่บริษัทโอนขายหนี้ของบริษัทให้เวลาโอนขายหนี้

    3. การปฏิบัติงานเกี่ยวกับการให้บริการลูกค้า

      1. การปฏิบัติงานเกี่ยวกับการปรับปรุงโฆษณาเกี่ยวกับการรับสมัครผ่านทางเว็บไซต์ให้มีความเหมาะสมมากที่สุด

    บุคคลที่สามที่บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้นั้น อาจรวมถึงบุคคลและนิติบุคคลในต่างประเทศ ซึ่งมีการบังคับใช้กฏหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในระดับเดียวกับประเทศไทย หรือบุคคลและนิติบุคคลในต่างประเทศ ซึ่งไม่มีการบังคับใช้กฏหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในระดับเดียวกับประเทศไทย

  6. การเก็บรักษาและระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

    บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ดังต่อไปนี้

    1. ลักษณะการเก็บ

      1. เก็บเป็นเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรและวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์

    2. สถานที่จัดเก็บ

      1. ในกรณีที่เป็นเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษร บริษัทจัดเก็บในห้องหรือตู้ที่ติดตั้งอุปกรณ์นิรภัย

      2. ในกรณีที่เป็นวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ บริษัทจัดเก็บบนเซิร์ฟเวอร์ที่ติดตั้งในห้องที่ติดตั้งอุปกรณ์นิรภัย

    3. ระยะเวลาจัดเก็บ

      ประเภทข้อมูลส่วนบุคคล ระยะเวลาจัดเก็บ
      ข้อมูลส่วนบุคคล อาทิ ชื่อ วันเดือนปีเกิด หมายเลขบัตรประชาชน ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ สถานที่ติดต่อ (ยกเว้นไฟล์เสียงสนทนา, IP Address และ คุกกี้) 15 ปี
      ไฟล์เสียงสนทนา 6 เดือน
      IP Address 6 เดือน
      คุกกี้ 3 เดือน

      เว้นแต่มีเหตุอื่นตามกฎหมายที่สามารถจัดเก็บไว้ได้นานกว่านั้น อาทิ เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเพื่อการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

    4. การดำเนินการเมื่อพ้นระยะเวลาจัดเก็บ

      1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่จัดเก็บเป็นเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษร จะทำลายภายใน 3 เดือนนับแต่สิ้นสุดระยะเวลาจัดเก็บ

      2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่จัดเก็บด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ จะลบภายใน 1 เดือนนับแต่สิ้นสุดระยะเวลาจัดเก็บ

  7. สิทธิของลูกค้า

    ลูกค้ามีสิทธิดังต่อไปนี้

    1. สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม : ลูกค้ามีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมได้ ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าจัดเก็บอยู่กับบริษัท

    2. สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล : ลูกค้ามีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองและมีสิทธิในการขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว รวมถึงสิทธิในการขอให้บริษัทเปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ลูกค้าไม่ได้ให้ความยินยอมต่อบริษัทได้

    3. สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง : ลูกค้ามีสิทธิในการขอให้บริษัทแก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ทำให้ข้อมูลเป็นปัจจุบัน เพิ่มเติมข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์ หรือแก้ไขข้อมูลที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

    4. สิทธิในการลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ : ลูกค้ามีสิทธิในการขอให้บริษัทลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ หรือการทำให้เป็นข้อมูลนิรนามด้วยเหตุผลบางประการได้

    5. สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล : ลูกค้ามีสิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้

    6. สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล : ลูกค้ามีสิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคลที่ให้ไว้กับบริษัทไปยังผู้ควบคุมรายอื่น หรือตัวลูกค้าเองด้วยเหตุบางประการได้

    7. สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย : ลูกค้ามีสิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองด้วยเหตุบางประการได้

    8. สิทธิในการยื่นคำร้องทุกข์ : ลูกค้ามีสิทธิในการยื่นข้อโต้แย้งต่อการละเมิด ในกรณีที่บริษัทละเมิดพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

    ลูกค้าสามารถติดต่อมายังผู้รับเรื่องดำเนินการข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท เพื่อดำเนินการยื่นคำร้องขอดำเนินการตามสิทธิได้ (รายละเอียดการติดต่อระบุในหัวข้อ “15. ช่องทางติดต่อสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล”)

    และลูกค้าสามารถตรวจสอบรายละเอียดเงื่อนไข ข้อยกเว้นการใช้สิทธิต่างๆ ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้ที่เว็บไซต์กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (http://www.mdes.go.th)

    ทั้งนี้ ลูกค้าไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ในการดำเนินการตามสิทธิข้างต้น แต่ในกรณีที่เป็นการยื่นคำร้องที่ไม่สมเหตุสมผล หรือเป็นคำร้องที่มีค่าใช้จ่ายสูงเกินควร โดยมิใช่กรณีที่กฎหมายกำหนดให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการดำเนินการดังกล่าว บริษัทอาจเก็บค่าธรรมเนียมกับลูกค้าตามความจำเป็น

    บริษัทจะแจ้งผลการพิจารณาคำร้องของลูกค้าและดำเนินการภายใน 90 วันนับแต่วันที่บริษัทได้รับคำร้องดังกล่าว

    ในกรณีดังต่อไปนี้ บริษัทอาจจำเป็นต้องปฏิเสธคำร้องขอของลูกค้า เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

    1. กรณีที่ไม่สามารถแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนได้ว่าผู้ยื่นคำร้องเป็นเจ้าของข้อมูลหรือมีอำนาจในการยื่นคำร้องขอดังกล่าว

    2. คำร้องขอดังกล่าวไม่สมเหตุสมผล อาทิ กรณีที่ผู้ร้องขอไม่มีสิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล หรือไม่มีข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ที่บริษัท

    3. คำร้องขอดังกล่าวเป็นคำร้องขอฟุ่มเฟือย อาทิ เป็นคำร้องขอที่มีลักษณะเดียวกัน หรือ มีเนื้อหาเดียวกันซ้ำๆ กันโดยไม่มีเหตุอันสมควร

    4. การปฏิบัติตามคำขอนั้นจะส่งผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น อาทิ การเปิดเผยข้อมูลนั้นเป็นการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามด้วย หรือเป็นการเปิดเผยทรัพย์สินทางปัญญา หรือความลับทางการค้าของบุคคลที่สาม

    5. เหตุอื่นตามที่กฎหมายกำหนด อาทิ การปฏิบัติตามกฎหมาย การปฏิบัติตามคำสั่งศาล หรือ การยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

  8. กิจกรรมทางการตลาดและการส่งเสริมการตลาด

    บริษัทจะส่งข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมทางการตลาด และการส่งเสริมการตลาด ที่เกี่ยวกับการให้บริการของบริษัทที่คิดว่าลูกค้าอาจสนใจเพื่อประโยชน์ในการให้บริการอย่างเต็มประสิทธิภาพ หากลูกค้ารับข้อมูลข่าวสารดังกล่าวจากบริษัท โดยลูกค้ามีสิทธิในการถอนความตกลงและปฎิเสธไม่รับข้อมูลดังกล่าวจากบริษัทได้ทุกเมื่อ โดยดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้

    1. เมื่อบริษัทโทรศัพท์หาลูกค้าเพื่อแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมทางการตลาดและการส่งเสริมการตลาด ท่านสามารถแจ้งพนักงานได้ว่าไม่ต้องการรับข้อมูลดังกล่าว

    2. โทรศัพท์ไปยังคอลเซ็นเตอร์ (1751) และแจ้งพนักงานว่าไม่ต้องการรับข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมทางการตลาด และการส่งเสริมการตลาด

  9. คำจำกัดความของคุกกี้

    คุกกี้ คือข้อความที่ถูกบันทึกในคอมพิวเตอร์ของลูกค้าเพื่อจัดเก็บรายละเอียดข้อมูล log การใช้งานเว็บไซต์ของท่านหรือพฤติกรรมการเยี่ยมชมเว็บไซต์ของท่าน ซึ่งรวมถึง ประวัติการใช้งานและข้อมูลที่ท่านกรอก ฯ ระหว่างการใช้งานเว็บไซต์บนอินเทอร์เน็ต โดยถูกบันทึกเป็นไฟล์ลงในคอมพิวเตอร์ของลูกค้าเมื่อเข้าเว็บไซต์ หากลูกค้าเข้าเว็บไซต์เดิมในครั้งถัดไป ท่านไม่จำเป็นต้องกรอกข้อมูลเดิมทุกครั้งเวลา Sign in และยังสามารถเปลี่ยนการแสดงผลสำหรับลูกค้าแต่ละท่านได้ เนื่องจากใช้การอ้างอิงจากข้อมูลคุกกี้ที่ผู้ควบคุมเว็บไซต์บันทึกลงในคอมพิวเตอร์ของท่าน และหากลูกค้าตกลงให้อนุญาตรับส่งคุกกี้ เว็บไซต์จะสามารถรับคุกกี้จากเบราว์เซอร์ของลูกค้าได้

  10. การใช้คุกกี้

    บริษัทจะจัดเก็บข้อมูลการเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์จากผู้เข้าเยี่ยมชมทุกรายผ่านคุกกี้หรือเทคโนโลยีที่ใกล้เคียง และบริษัทจะใช้ คุกกี้เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาประสิทธิภาพในการเข้าถึงบริการของบริษัทผ่านทางอินเทอร์เน็ตรวมถึงพัฒนาประสิทธิภาพในการใช้งานบริการของบริษัททางอินเทอร์เน็ต โดยการใช้ประเภทอื่นของบริษัทมีดังนี้

    1. เพื่อให้ลูกค้าสามารถ Sign in บัญชีของลูกค้าในเว็บไซต์ของบริษัทได้อย่างต่อเนื่อง

    2. บุคคลที่สามที่บริษัทว่าจ้างให้เผยแพร่โฆษณาทำการเก็บคุกกี้จากเว็บไซต์บริษัท เพื่อปรับปรุงการเผยแพร่โฆษณาให้เหมาะกับลูกค้ามากที่สุด

  11. ประเภทของคุกกี้ที่บริษัทใช้

    บริษัทใช้คุกกี้ดังต่อไปนี้ สำหรับเว็บไซต์ของบริษัท

    1. Functionality ที่ใช้ในการจดจำสิ่งที่ลูกค้าเลือกเป็น Preferences เช่น ภาษาที่ใช้ เป็นต้น

    2. Advertising ที่ใช้ในการจดจำสิ่งที่ลูกค้าเคยเยี่ยมชม เพื่อนำเสนอสินค้า บริการ หรือสื่อโฆษณาที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ตรงกับความสนใจของลูกค้า

  12. การจัดการคุกกี้

    ลูกค้าสามารถบล็อกการทำงานของคุกกี้ โดยการกำหนดค่าในเบราว์เซอร์ของท่านได้ ซึ่งท่านอาจปฏิเสธการติดตั้งค่าคุกกี้ทั้งหมดหรือบางประเภทก็ได้ แต่พึงตระหนักว่าหากท่านตั้งค่าเบราว์เซอร์ของท่านด้วยการบล็อกคุกกี้ทั้งหมด (รวมถึงคุกกี้ที่จำเป็นต่อการใช้งาน) ท่านอาจจะไม่สามารถเข้าสู่เว็บไซต์ทั้งหมดหรือบางส่วนของบริษัทได้

    การตั้งค่ามิให้เบราว์เซอร์ของลูกค้าตกลงรับคุกกี้ของบริษัท มีขั้นตอนในการจัดการคุกกี้ดังนี้

    <ขั้นตอนการตั้งค่า>

    1. Google Chrome

      https://support.google.com/chrome/answer/95647?hl=th

    2. Safari

      https://support.apple.com/th-th/guide/safari/sfri11471/mac

    3. Microsoft Edge

      https://support.microsoft.com/th-th/windows/จัดการคุกกี้ใน-microsoft-edge-ดู-อนุญาต-บล็อก-ลบ-และใช้-168dab11-0753-043d-7c16-ede5947fc64d

  13. นโยบายคุ้มครองข้อมูลของเว็บไซต์อื่นที่ผ่านบริษัท

    นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท ใช้เฉพาะสำหรับการให้บริการของบริษัทและการใช้งานเว็บไซต์ของบริษัทเท่านั้น นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ไม่ใช้กับเว็บไซต์อื่นนอกเหนือจากเว็บไซต์ของบริษัทแม้ว่าจะเข้าสู่เว็บไซต์อื่นผ่านช่องทางในเว็บไซต์ของบริษัทก็ตาม

    ดังนั้น กรุณาศึกษานโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในเว็บไซต์อื่นที่ไม่ใช่เว็บไซต์บริษัทเพื่อให้เข้าใจถึงวิธีการที่เว็บไซต์ดังกล่าวอาจนำข้อมูลของท่านไปใช้ด้วย

  14. การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

    บริษัทจะทำการทบทวนและเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้เป็นประจำเพื่อให้สอดคล้องกับกฏหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง หรือกรณีที่เห็นว่าจำเป็นต่อการปฏิบัติงาน หากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะแจ้งผ่านเว็บไซต์ของบริษัท

  15. ช่องทางติดต่อสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล

    1. ช่องทางติดต่อสอบถามภายในบริษัท

      ผู้รับเรื่องดำเนินการข้อมูลส่วนบุคคล

      159/19-20 อาคารเสริมมิตร ทาวเวอร์ ห้อง 1201 ชั้น 12 ถนนสุขุมวิท 21 (อโศก) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110

      <หมายเลขโทรศัพท์> 02-036-9302

      <เว็บไซต์>

      https://www.promise.co.th/

    2. ช่องทางติดต่อสอบถามภายนอกบริษัท

      สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

  16. การจัดทำและแก้ไขปรับปรุงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

    การจัดทำและแก้ไขปรับปรุงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทมีดังนี้

    1. จัดทำเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ 2564

    2. แก้ไขวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

    3. แก้ไขวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

    4. แก้ไขวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567