9 วิธีการบริหารเงินโบนัสปลายปีอย่างไรให้คุ้มค่าที่สุด 2566
ช่วงปลายปี หรือต้นปี เป็นช่วงเวลาที่เหล่ามนุษย์เงินเดือนต่างตั้งหน้าตั้งตารอคอย เนื่องจากเป็นช่วงที่บริษัทส่วนใหญ่จะให้เงินโบนัสแก่พนักงาน ซึ่งเราเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงจะรีบนำเงินก้อนนั้นไปซื้อของเพื่อให้รางวัลตัวเองกันอย่างรวดเร็ว จนทำให้เงินหมดในพริบตา ดังนั้น จะดีกว่าไหมถ้าเรารู้วิธีการบริหารเงินโบนัสปลายปีให้คุ้มค่า และไม่ต้องทำให้คุณไปทุบกระปุกเอาเงินเก็บมาใช้ในช่วงปลายเดือน
9 วิธีการบริหารเงินโบนัสปลายปี ฉบับ 2566
การซื้อของเพื่อให้รางวัลตัวเอง เป็นเรื่องที่ไม่ผิดเลยสักนิด หากคุณมีการบริหารเงินก้อนนั้นให้คุ้มค่าที่สุด ดังนั้น เราไปดูกันดีกว่าว่าวิธีบริหารเงินโบนัสปลายปีที่เรารวบรวมมาแบ่งปันมีอะไรบ้าง
1. ตั้งเป้าหมายทางการเงิน
สิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อได้เงินโบนัสมาแล้วก็คือ การตั้งเป้าหมายทางการเงิน ซึ่งจะต้องสามารถลงมือทำและประสบความสำเร็จได้ โดยยึดตามหลัก SMART 5 ข้อ ดังนี้
- มีความชัดเจน (Specific)
- ระบุจำนวนเงินได้ (Measurable)
- มีวิธีการที่จะทำให้สำเร็จได้ (Accountable)
- เป็นจริงได้ (Realistic)
- มีกำหนดระยะเวลาที่แน่นอน (Time Bound)
2. แบ่งสัดส่วนโบนัสให้ดี
เมื่อกำหนดเป้าหมายทางการเงินเรียบร้อยแล้ว อันดับต่อไปก็จะต้องมาแบ่งสัดส่วนโบนัสให้ดี แนะนำให้แยกเงินโบนัสออกมาจากเงินเดือนเลย โดยควรจะแบ่งสัดส่วนโบนัสออกเป็น 4 ก้อน เพื่อกระจายการออม และสร้างวินัยทางการเงิน ซึ่งวิธีนี้ก็สามารถนำไปใช้ในการจัดสรรเงินเดือนได้เช่นกัน
- ก้อนที่ 1 นำไปใช้บริหารหนี้สิน
- ก้อนที่ 2 กระจายการลงทุน เพื่อเพิ่มพูนกำไรในอนาคต
- ก้อนที่ 3 เป็นการแบ่งเงินออม เผื่อใช้ในยามฉุกเฉิน
- ก้อนที่ 4 ให้รางวัลตัวเอง
3. แบ่งสำรองเป็นเงินฉุกเฉิน
จากข้อที่แล้วจะเห็นว่า เราควรจะแบ่งโบนัสส่วนหนึ่งไว้เป็นเงินออม เพื่อใช้ในยามฉุกเฉิน เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่า งานที่เราทำอยู่นั้นมีความมั่นคงเพียงใด หรืออาจจะมีปัญหาสุขภาพที่เข้ามาจนทำให้เราไม่สามารถทำงานได้ก็ได้ ซึ่งแต่ละอาชีพก็มีความมั่นคงไม่เท่ากัน ดังนั้นการแบ่งจำนวนเงินฉุกเฉินก็จะไม่เท่ากัน
- อาชีพที่มีความมั่นคงสูง โอกาสตกงานน้อย - ควรเก็บเงินฉุกเฉินไว้ 3 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน
- อาชีพที่มีความมั่นคงปานกลาง - ควรเก็บเงินฉุกเฉินไว้ 6 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน
- อาชีพที่เป็นเจ้านายตัวเอง มีรายได้ไม่แน่นอน - ควรเก็บเงินฉุกเฉินไว้ 12 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน
4. การทำประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์
หลาย ๆ คนอาจจะมองว่า การทำประกันสุขภาพเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น เพราะยังมีสุขภาพที่แข็งแรงดีอยู่ ดังนั้น ก็อาจจะลองเปลี่ยนมาทำประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ซึ่งเป็นการประกันความเสี่ยงในกรณีเสียชีวิต แต่ยังได้ผลพลอยได้จากการออม ผลตอบแทน และการลดหย่อนภาษี
5. การลงทุนตามที่ถนัด
หากคุณอยากให้เงินโบนัสที่ได้มางอกเงย และเป็นประโยชน์ต่อตัวคุณในอนาคต ลองหันมาเริ่มต้นลงทุนดูก็ไม่เสียหาย โดยแนะนำให้กำหนดระยะเวลาที่สอดคล้องกับเป้าหมายและความเสี่ยง แบ่งเป็น 3 ระยะ ดังนี้
- เป้าหมายระยะสั้น ใช้เวลาทำให้สำเร็จไม่เกิน 1 ปี เน้นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ และรักษาเงินต้น เช่น พันธบัตร หุ้นกู้ กองทุนรวมตราสารหนี้ เป็นต้น
- เป้าหมายระยะกลาง ใช้เวลาทำให้สำเร็จไม่เกิน 3-7 ปี เน้นการลงทุนที่มีความเสี่ยงปานกลาง เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต เช่น กองทุนรวมผสม เป็นต้น
- เป้าหมายระยะยาว ใช้เวลาทำให้สำเร็จมากกว่า 5 ปีขึ้นไป เน้นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง เพื่อโอกาสในการรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น เช่น หุ้น กองทุนรวมตราสารทุน เป็นต้น
6. คำนวณเงินที่ต้องใช้วัยเกษียณ
เพื่อให้คุณมีความพร้อมต่อการเกษียณอายุในอนาคต คุณควรจะหันมาสังเกตตัวเองว่า เงินเก็บที่เรามีอยู่เพียงพอต่อการเกษียณอายุหรือไม่ โดยควรจะมีเงินเก็บให้ได้อย่างน้อย 15% ของรายได้ก่อนหักภาษี หากเงินเกษียณคุณยังไม่ถึงเป้าที่ตั้งไว้ การแบ่งเงินโบนัสมาเก็บในส่วนนี้ก็จะช่วยให้คุณสามารถเก็บเงินไว้ใช้ในยามเกษียณได้มากขึ้น
7. ทำบันทึกรายรับ-รายจ่าย
การทำบันทึกรายรับ-รายจ่าย เป็นหนึ่งในวิธีการบริหารเงินที่มีประสิทธิภาพ เพราะนอกจากจะเป็นสิ่งที่ช่วยเตือนความจำให้คุณได้แล้ว ยังช่วยให้คุณเห็นภาพรวมด้านการเงินมากขึ้นว่า คุณแบ่งเงินไปเก็บไว้ส่วนไหนเท่าไหร่ รายจ่ายของเราสัมพันธ์กับรายได้หรือไม่ และมีรายจ่ายส่วนใดที่ลดลงได้หรือไม่
8. จัดการหนี้สินที่มี
หากคุณมีหนี้สินอยู่จำนวนหนึ่ง และวางแผนว่าจะนำเงินโบนัสทั้งหมดไปใช้ในการจัดการหนี้บางก้อนจนหมด แนะนำว่า ให้บริหารหนี้สินและจัดลำดับการชำระหนี้ให้ดี โดยเน้นจากการจัดการหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ยสูงก่อน เช่น หนี้บัตรเครดิต หนี้จากการขอสินเชื่อเงินด่วนพร้อมใช้ เป็นต้น จากนั้นค่อยนำส่วนที่เหลือชำระหนี้บ้าน คอนโด หรือรถยนต์ เพื่อให้เงินต้นน้อยลง
9. ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น
เชื่อว่าคงจะมีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่คิดว่า เมื่อได้โบนัสแล้วจะใช้จ่ายตามใจได้ แต่นั่นเป็นความคิดที่ผิด เพราะมันอาจจะทำให้เงินโบนัสที่คุณได้มาหายวับไปกับตาได้ ดังนั้น การลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นก็ยังเป็นสิ่งที่ต้องทำ เพื่อสร้างนิสัยในการใช้จ่ายที่ดียิ่งขึ้น และเพื่อลดโอกาสเกิดหนี้จากการใช้เงินเกินตัว
สรุปบทความ
และทั้งหมดนี้ก็คือ 9 วิธีการบริหารเงินที่เรารวบรวมมาแบ่งปันกันในบทความนี้ สำหรับคนที่กำลังจะได้รับเงินโบนัสในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า ก็อย่าลืมให้ความสำคัญกับการจัดสรรเงินโบนัสให้ดี หรือจะนำไปปรับใช้กับการจัดสรรเงินเดือนได้เช่นกัน