ไขข้อสงสัย หนี้ดี-หนี้เสียคืออะไร หนี้แบบไหนมีแล้วดี
วางแผนการชำระหนี้ที่ดีก็จะส่งผลต่อสภาพคล่องทางการเงินได้ด้วย ซึ่งการเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรเลยจะเรียกว่า หนี้เสีย ส่วนหนี้ที่สามารถสร้างรายได้กลับมาให้เราจะเรียกว่า หนี้ดี แต่เราเชื่อว่ายังมีคนจำนวนไม่น้อยเลย ที่ยังไม่รู้ว่าหนี้ดี-หนี้เสียคืออะไร แน่นอนว่าในบทความนี้เราได้เรียบเรียงข้อมูลมาแบ่งปันให้คุณได้ทราบกัน
หนี้ดี หนี้เสียคืออะไร?
หนี้ดี หมายถึง หนี้ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ และสร้างรายได้ให้กับลูกหนี้ ส่วนหนี้เสียคือ หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ เกิดจากการซื้อสินทรัพย์เพื่อนำมาใช้อำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน โดยมักจะเกิดจากการขอสินเชื่อจากธนาคาร หรือการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต รวมถึงหนี้ที่ไม่สามารถจ่ายไหว และมียอดผ่อนสูง
โทษของการมีหนี้เสีย มีอะไรบ้าง
อย่างที่บอกไปว่า หนี้เสียคือ หนี้ที่ไม่ได้ก่อให้เกิดรายได้หรือประโยชน์ต่อเรา ทำให้การมีหนี้เสีย จะก่อให้เกิดโทษและผลเสียมากมายขึ้นอยู่กับตัวเรา ดังนั้นเราไปดูกันดีกว่าว่า โทษของการมีหนี้เสียมีอะไรบ้าง
- ทำให้เสียวินัย เพราะเมื่อเรามีหนี้เสีย หนี้ก้อนนั้นได้สร้างผลกระทบต่อการจัดการรายได้ และการผ่อนจ่าย ซึ่งจะทำให้เราไม่สามารถสร้างวินัยในการจัดการเรื่องเงินในระยะยาวได้
- ทำให้เสียเครดิตการเงิน เพราะเมื่อเรามีหนี้เสียที่ไม่สามารถจัดการได้ จนทำให้ชำระหนี้ล่าช้า หรือค้างชำระหนี้ ข้อมูลเหล่านี้ก็จะถูกบันทึกเอาไว้ในเครดิตบูโร ซึ่งจะส่งผลเสียต่อการขอสินเชื่อในอนาคตได้
- ทำให้เสียโอกาสในการใช้ชีวิต เพราะกับดักหนี้ที่เราสร้างขึ้น จะเป็นตัวฉุดรั้งไม่ให้เราได้ออกไปใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการมีเงินก้อนไปเที่ยวต่างประเทศ การนำเงินไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เงินงอกเงย
หนี้ในด้านบวกสร้างได้อย่างไรบ้าง
อย่างที่บอกว่า การเป็นหนี้ไม่ได้มีเพียงด้านลบเพียงอย่างเดียว ซึ่งหนี้ที่ก่อให้เกิดรายได้หรือเป็นประโยชน์ต่อลูกหนี้ ก็จะนับว่าเป็นหนี้ในด้านบวก หรือหนี้ดี ทำให้หลายคนอาจจะสงสัยว่า หนี้ในด้านบวกสร้างอย่างไรได้บ้าง โดยหนี้ในด้านบวกนี้สามารถแบ่งได้ทั้งหมด 3 ประเภท ดังนี้
- หนี้เพื่อความมั่นคง มักจะเป็นการขอสินเชื่อที่อยู่อาศัย เช่น บ้าน ที่ดิน และคอนโด เป็นต้น เพราะนอกจากจะใช้เป็นที่อยู่อาศัยได้แล้ว ยังสามารถปล่อยเช่าหรือขายเพื่อสร้างรายได้กลับมาได้อีกด้วย
- หนี้เพื่อการสร้างธุรกิจและอาชีพ เป็นหนี้ที่เกิดจากการขอสินเชื่อเพื่อนำเงินไปลงทุนในธุรกิจ หรือซื้ออุปกรณ์สำหรับประกอบอาชีพ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะสามารถสร้างรายได้กลับมาได้ในอนาคต
- หนี้เพื่อการศึกษา เป็นการขอสินเชื่อเพื่อนำไปใช้ในการศึกษาเล่าเรียน ซึ่งทักษะและความรู้เหล่านี้ จะช่วยให้คุณสามารถประกอบอาชีพและสร้างรายได้ในอนาคต
แม้ว่าหนี้ในด้านบวกนี้ จะสร้างประโยชน์ให้กับเราและสามารถสร้างรายได้กลับมาในอนาคตได้ แต่ก่อนที่จะสร้างหนี้ทุกครั้ง คุณจะต้องประเมินให้ดีก่อนว่า คุณสามารถผ่อนชำระหนี้ได้หรือไม่ เกินกำลังหรือรายรับที่ได้มาในแต่ละเดือนไหม และเมื่อมีการวางแผนการใช้จ่ายรวมถึงการชำระหนี้เรียบร้อยแล้ว ก็จะต้องชำระหนี้ให้ตรงตามกำหนดทุกงวด
5 สิ่งที่ควรทำก่อนสร้างหนี้
ได้ทำความรู้จักโทษของการมีหนี้เสีย รวมถึงการสร้างหนี้ดีไปแล้ว อันดับต่อไปเราก็ต้องมาดูกันต่อว่า แล้ว 5 สิ่งที่ควรทำก่อนสร้างหนี้มีอะไรบ้าง เพราะแม้ว่าหนี้ที่เราสร้างจะเป็นหนี้ดี แต่หากไม่มีการวางแผนจัดการหนี้ให้เหมาะสม จากหนี้ดีก็จะกลายเป็นหนี้เสียที่ส่งผลกระทบต่อเราในระยะยาวได้
1. ดูความจำเป็นในการก่อหนี้
ก่อนที่เราจะก่อหนี้ทุกครั้ง จะต้องพิจารณาให้ดีก่อนว่า หนี้ที่กำลังจะก่อนั้น มีความจำเป็นกับชีวิตมากน้อยเพียงใด สิ่งของที่กำลังจะซื้อเป็นสิ่งที่จำเป็นหรือเป็นแค่ความต้องการ มีกำลังจ่ายและไม่สร้างความลำบากให้ตัวเองในอนาคตหรือไม่ นอกจากนี้หากก่อหนี้ก็ควรจะเลือกก่อหนี้ดีเท่านั้น ควรหลีกเลี่ยง หรือมีหนี้เสียให้น้อยที่สุด
2. เลือกประเภทของสินเชื่อให้เหมาะสม
เนื่องจากในปัจจุบันมีสินเชื่อด้วยกันหลายประเภท ดังนั้น ก่อนจะขอสินเชื่อจึงต้องวางแผนให้ดีก่อนว่า จะขอสินเชื่อเพื่อนำเงินไปทำอะไร ต้องการวงเงินเท่าไหร่ และเรามีทรัพย์อะไรเป็นหลักประกันบ้าง นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงความสามารถในการผ่อนชำระสินเชื่อด้วยเช่นกัน
3. เปรียบเทียบเงื่อนไขสินเชื่อและอัตราดอกเบี้ย
นอกจากการพิจารณาเลือกสินเชื่อที่เหมาะสมกับความต้องการแล้ว ยังควรพิจารณาและเปรียบเทียบเงื่อนไขสินเชื่อ รวมถึงอัตราดอกเบี้ย และวงเงินของแต่ละธนาคาร เพื่อนำข้อมูลมาใช้ในการเลือกธนาคารที่ให้อัตราดอกเบี้ย วงเงิน และมีเงื่อนไขที่เหมาะสมกับเรามากที่สุด
4.ประเมินความสามารถในการชำระหนี้ และสภาพคล่องทางการเงิน
ก่อนที่จะก่อหนี้ ควรจะประเมินฐานะการเงินและความพร้อมในการชำระหนี้ให้ดีก่อนว่า เรามีความสามารถในการชำระหนี้ได้มากน้อยเพียงใด ปัจจุบันเรามีภาระค่าใช้จ่ายหรือหนี้สินที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือนเท่าไหร่บ้าง เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้ในการคำนวณว่า หากเราก่อหนี้เพิ่ม หนี้ก้อนนี้จะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันหรือไม่
5. ประเมินความมั่นคงของรายได้
อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องประเมินให้ดีก่อนก่อหนี้ก็คือ การประเมินความมั่นคงของรายได้ รวมถึงความสามารถในการหารายได้ของเรา เพื่อให้เราสามารถผ่อนชำระหนี้ได้จนครบกำหนด และตรงตามเวลา เพราะหากชำระหนี้ไม่ตรงเวลาหรือเกินกำหนด เราก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในทันที เช่น ค่าติดตามทวงถามหนี้
สรุปบทความ
เมื่อได้ทราบกันไปแล้วว่า หนี้ดี-หนี้เสียคืออะไร รวมถึงโทษของการมีหนี้เสีย เชื่อว่าก็คงจะทำให้หลาย ๆ คนมีความเข้าใจเรื่องหนี้สินมากขึ้น นอกจากนี้สำหรับคนที่กำลังจะก่อหนี้ ก็แนะนำว่าให้นำ 5 สิ่งที่ควรพิจารณาก่อสร้างหนี้ที่รวบรวมมา ไปใช้ในการพิจารณาความพร้อมของตัวเรา เพื่อไม่ให้หนี้ดีกลายเป็นหนี้เสีย ที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต และสภาพคล่องทางการเงินของเราในอนาคต
