ลองเล่นหุ้นแบบนี้ อาจมีโอกาสกำไร
หลายคนคงรู้ว่าสมัยนี้การเก็บออมจากเงินเดือนอย่างเดียวไม่สามารถทำให้มีอิสรภาพทางการเงินได้ ต้องมีการลงทุนในสินทรัพย์ เช่น กองทุนรวม พันธบัตรรัฐบาล อสังหาริมทรัพย์ ต่างๆ นานา และหนึ่งในนั้นก็คือ หุ้น บางคนเห็นคนในโลกโซเชียลเล่นหุ้นพอได้กำไรเยอะๆ ก็เอามาโพสต์อวดเลยลองไปเล่นบ้าง ลงทุนในหุ้นตัวที่เขาว่ากันว่าต้องซื้อเพราะราคากำลังไต่ขึ้นไปสูงมาก แต่พอเข้าซื้อจริงราคาดันตกฮวบลงมา สุดท้ายกลายเป็นแมลงเม่าบินเข้ากองไฟที่แผดเผาอยู่บนดอยสูง รอวันที่ราคาจะขึ้นมาเท่าทุนเพื่อจะได้ขายทิ้ง วันนี้สินเชื่อส่วนบุคคลพรอมิสจะพาคุณมาทำความเข้าใจวิธีเล่นหุ้น ที่อาจช่วยให้คุณฉุกคิดว่าการเล่นหุ้นนั้นความรู้สำคัญไฉน จำไว้เสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยง ควรศึกษาให้เข้าใจก่อนลงทุน ว่าแต่จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย
คุณเป็นนักลงทุนสายไหน?
เริ่มจากมาวิเคราะห์กันก่อนว่าคุณเป็นนักลงทุนสายไหน จะได้นำเนื้อหาไปปรับใช้ได้ตรงจุดมากขึ้น
สายเน้นคุณค่า (VI)
นักลงทุนสายนี้มีชื่อย่อว่า VI ซึ่งมาจาก Value Investor โดยนักลงทุนสาย VI นั้น จะซื้อหุ้นเมื่อประเมินแล้วว่าหุ้นตัวนั้นมีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง และนักลงทุนสายนี้จะลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดีหรือปันผลดี เพื่อเก็งกำไรในระยะยาว
สายเทรดเดอร์ (Trader Investor)
นักลงทุนสายนี้จะแตกต่างกับสายเน้นคุณค่า ซึ่งสายเทรดเดอร์จะเน้นไปที่การทำกำไรระยะสั้น โดยใช้เครื่องมือทางเทคนิคเพื่อวิเคราะห์การซื้อขายหุ้น นอกจากนั้น ยังต้องมีเวลาติดตามหุ้นอย่างใกล้ชิดอีกด้วย
สายไฮบริด (Hybrid)
นักลงทุนสายนี้จะใช้วิธีของทั้งสาย VI และสาย Trader ในการซื้อหุ้น โดยดูปัจจัยพื้นฐานเพื่อหามูลค่าที่แท้จริงของหุ้นแบบสาย VI และใช้เครื่องมือทางเทคนิคเพื่อหาจุดซื้อขายแบบสาย Trader นั่นเอง
ต่อไปก็มาอ่านวิธีเล่นหุ้น ที่ทำให้มีโอกาสได้กำไร มีทั้งหมด 5 วิธี ดังนี้
1. ทำความรู้จักหุ้นตัวที่คุณจะซื้อ (VI & Hybrid) หรือทำความรู้จักเครื่องมือทางเทคนิคในการเล่นหุ้น (Trader & Hybrid)
แต่ละสายมีส่วนที่ต้องเริ่มทำความเข้าใจที่แตกต่างกัน โดยรายละเอียดมีดังนี้
1.1 ทำความรู้จักหุ้นตัวที่คุณจะซื้อ (VI & Hybrid)
วิธีเล่นหุ้นอย่างแรกคือ การทำความรู้จักหุ้นตัวที่คุณจะซื้อ วิธีนี้จะเหมาะกับสาย VI และสาย Hybrid แต่หากคุณเป็นสาย Trader อ่านข้อนี้เพื่อรู้เอาไว้ก็ไม่เสียหาย
สมมติว่าคุณกำลังจะเข้าซื้อหุ้นตัวหนึ่ง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม คุณสามารถตอบได้ไหมว่า หุ้นตัวนั้นทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไร ยอดขาย กำไร หนี้ทางการค้าในปีที่ผ่านๆ มาเป็นอย่างไร แล้วคุณคิดว่าบริษัทดังกล่าวมีศักยภาพที่จะเติบโตมากขึ้นในอนาคตไหม เพราะการซื้อหุ้นก็เปรียบเสมือนเราซื้อบริษัท ถ้าบริษัทนั้นยอดขายไม่ค่อยดีในหลายๆ ปีที่ผ่านมา มีกระแสเงินสดที่สภาพคล่องไม่ค่อยดี มีหนี้ทางการค้าเยอะ แล้วบริษัทยังไม่มีแถลงการณ์ใดๆ ที่จะเรียกความเชื่อมั่นจากผู้ถือหุ้นว่ากำลังจะดำเนินธุรกิจไปในทางใด จะมีอะไรใหม่ๆ ในธุรกิจบ้าง คุณจะกล้าซื้อหุ้นตัวนี้หรือไม่?
ส่วนการดูข้อมูลยอดขาย กำไร หนี้ทางการค้า ฯลฯ ของบริษัทนั้นๆ คุณสามารถค้นหาได้ผ่านเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ค้นหาด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษของชื่อหุ้นตัวนั้น เมื่อเข้าไปหน้าข้อมูลของหุ้นตัวนั้นแล้วให้คลิกที่หัวข้อ “งบการเงิน” แต่ถ้าต้องการรู้คร่าวๆ ว่าหุ้นตัวนั้นเป็นหุ้นที่ทำธุรกิจแบบไหน ใครเป็นผู้ถือหุ้นหลักๆ บ้าง ให้คลิกที่คำว่า “สรุปข้อสนเทศ บจ. (Factsheet)” แต่ถ้าหากต้องการรู้จักบริษัทนั้นในหลายแง่มุมมากยิ่งขึ้น ลองอ่าน “แบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี (แบบ 56-1)” เป็นรายงานที่บริษัทจดทะเบียนจัดทำขึ้นทุกปี มีข้อมูลการประกอบธุรกิจ การจัดการ การกำกับดูแลกิจการ ฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน
1.2 ทำความรู้จักเครื่องมือทางเทคนิคในการเล่นหุ้น (Trader & Hybrid)
ในข้อนี้จะเหมาะกับนักลงทุนสาย Trader และ Hybrid เนื่องจากทั้งสองสายมีการดูกราฟหุ้นและใช้เครื่องมือต่างๆ ในการดูจุดซื้อขายหุ้น โดยเครื่องมือทางเทคนิคที่ใช้ในการดูกราฟหุ้นก็จะมีอยู่ 3 แบบ คือ
- การตีเส้นหาแนวรับแนวต้าน โดยแนวรับ คือ จุดฝั่งข้างล่างที่กราฟแท่งของราคาหุ้นมาแตะกี่ครั้งก็น่าจะไม่ตกไปมากกว่านี้ หรือถึงตกไปมากกว่านั้น สุดท้ายก็จะขึ้นมาอยู่สูงกว่าแนวรับ ส่วนแนวต้าน คือ จุดฝั่งข้างบนที่กราฟแท่งของราคาหุ้นมาแตะกี่ครั้งก็น่าจะไม่ขึ้นไปมากกว่านี้ หรือถึงขึ้นไปมากกว่านั้น สุดท้ายก็จะตกลงมาอยู่ต่ำกว่าแนวต้าน
- Channel Trade คือ การตีกรอบเพื่อสร้างแนวรับแนวต้าน ใช้หาจุดซื้อจุดขาย จะช่วยกำหนดกรอบการเทรด และวางแผนการเทรดได้ดีมากขึ้น
- การใช้ Indicators คือ เครื่องมือที่ช่วยให้สามารถวิเคราะห์แนวโน้มและทิศทางของราคาหุ้นได้ ซึ่งมีหลาย Indicators ให้เลือกใช้ ซึ่งจะอธิบายเพิ่มเติมในข้อที่ 3
การดูกราฟหุ้นแต่ละเทคนิคนั้นมีจุดที่แตกต่างกัน หากคุณเป็นสาย Trader หรือ Hybrid ก็จำเป็นต้องศึกษาให้เข้าใจ และปรับให้เข้ากับสไตล์การเล่นหุ้นของคุณได้ตามสะดวก
2. เรียนรู้การอ่านงบการเงินเอาไว้บ้าง
วิธีเล่นหุ้นในข้อที่สองนั้นต่อเนื่องกับข้อแรก ก็คือการเรียนรู้การอ่านงบการเงินเอาไว้บ้างแค่พื้นฐานก็ได้ ซึ่งข้อนี้แนะนำสำหรับนักลงทุนทุกสาย แต่บอกเลยว่าการอ่านงบการเงินนั้นค่อนข้างน่าเบื่อ แต่เพื่อการลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพจะนำพาเงินต้นที่เราลงทุนไปทำกำไร ก็เรียนรู้เรื่องงบการเงินไว้เสียจะดีกว่า รวมไปถึงควรเรียนรู้ศัพท์พื้นฐานในการอ่านงบการเงิน คุณควรจะเข้าใจว่าแต่ละคำมันมีความหมายว่าอย่างไร เช่น คำว่างบดุล มูลค่าทางบัญชี กระแสเงินสด ลูกหนี้การค้า กำไรขั้นต้น ฯลฯ คำเหล่านี้คุณรู้หรือไม่ว่าแปลว่าอะไร งบการเงินคือยาขมที่ถ้าคุณอ่านเป็นเมื่อไหร่จะกลายเป็นขนมหวาน ดังนั้น อย่ามองข้ามวิธีเล่นหุ้นข้อนี้ไปเลยนะ
3. หาจุดเข้าซื้อและจุดขายออกให้เป็น
วิธีการที่ใช้เพื่อหาจุดเข้าซื้อหรือขายหุ้นมีหลายวิธี แต่หลักๆ จะแบ่งเป็นของ VI และ Trader ดังนี้
3.1 จุดเข้าซื้อและจุดขายหุ้นของสาย VI
หากเป็นสาย VI จุดเข้าซื้อหุ้นคือ จุดที่ราคาหุ้นปัจจุบันอยู่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง นักลงทุนสายนี้จะมองว่าหุ้นตัวนี้ราคาถูก (Undervalued) ถือเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ เพราะมองว่าอย่างไรสักวันราคาหุ้นก็จะขึ้นไปหามูลค่าที่แท้จริงของมัน ส่วนจุดขายหุ้นคือ จุดที่ราคาหุ้นปัจจุบันอยู่สูงกว่ามูลค่าที่แท้จริง นักลงทุนสายนี้จะมองว่าหุ้นตัวนี้ราคาแพง (Overvalued) สักวันราคาจะตกลงมาหามูลค่าที่แท้จริงของมัน ถือเป็นโอกาสในการขายนั่นเอง
3.2 จุดเข้าซื้อและจุดขายหุ้นของสาย Trader
หากเป็นสาย Trader จะดูแนวโน้มและทิศทางของราคาจากกราฟหุ้น และหาจุดเข้าซื้อโดยใช้เครื่องมือทางเทคนิคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการตีเส้นหาแนวรับ-แนวต้าน, วิธี Channel Trade หรือการใช้ Indicators ภายในแพลตฟอร์มซื้อขายหุ้น เพื่อหาจุดตัดหรือแนวโน้มเพื่อเข้าซื้อและขายออก เช่น
- EMA (เส้นแสดงค่าเฉลี่ยของราคาหุ้นตามจำนวนวัน)
ยกตัวอย่างเช่น เส้น EMA 5 คือ ค่าเฉลี่ยราคาของ 5 วัน (ระยะสั้น) ส่วนเส้น EMA 50 คือ ค่าเฉลี่ยราคาของ 50 วัน (ระยะกลาง)
หากเส้น 5 วันตัดเส้น 50 วันในทิศทางขึ้น = จุดซื้อ
หากเส้น 5 วันตัดเส้น 50 วันในทิศทางลง = จุดขาย
- MACD คือการรวมกันของเส้น EMA 12, Zero Line และ EMA 26
หากเส้น 12 วันตัดเส้น 26 วันในทิศทางขึ้นและอยู่เหนือเส้น 0 = จุดซื้อ
หากเส้น 12 วันตัดเส้น 26 วันในทิศทางลงและอยู่ใต้เส้น 0 = จุดขาย
- RSI เป็นเครื่องมือเอาไว้ชี้วัดการถูกซื้อหรือถูกขายหุ้น
หาก RSI ต่ำกว่า 30 แปลว่าถูกขายมากเกินไป (Oversold) = จุดซื้อ
หาก RSI สูงกว่า 80 แปลว่าถูกซื้อมากเกินไป (Overbought) = จุดขาย
และยังมีเครื่องมืออื่นๆ ด้วยเช่นกัน ซึ่งทุกวิธีที่กล่าวมาล้วนแต่ต้องศึกษาทำความเข้าใจ และหาวิธีที่เหมาะกับสไตล์การลงทุนของเรา
ส่วนสาย Hybrid สามารถนำวิธีหาจุดเข้าซื้อและขายออกของทั้งสองสายไปปรับใช้ตามสไตล์การลงทุนของตัวเองได้เลย
4. อาศัยจังหวะชุลมุนด้วย “หุ้นปั่น”
วิธีเล่นหุ้นที่จะมีโอกาสได้กำไรอย่างที่สี่คือ การเข้าซื้อและขายออกหุ้นปั่นให้เป็น แต่หุ้นปั่นจะเหมาะกับสาย Trader เนื่องจากมีเวลาเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของกราฟหุ้นและราคาตลอดเวลา หากคุณเป็นสาย VI ที่ซื้อหุ้นเพื่อรอให้มันออกผลกำไรงอกเงยในอนาคต วิธีนี้ไม่เหมาะกับคุณ เพราะอะไร?
ถ้าคุณซื้อหุ้นเพราะเห็นว่ามันกำลังไต่ราคาขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่หยุด อย่าเพิ่งรีบกระโจนเข้าไปซื้อ เพราะหุ้นตัวนั้นอาจเป็น “หุ้นปั่น” ซึ่งหุ้นปั่นก็คือ หุ้นที่ไม่สามารถหาสาเหตุได้ว่าทำไมราคามันถึงขึ้น ซึ่งราคาหุ้นปั่นจะสูงเกินกว่ามูลค่าที่แท้จริงของหุ้นตัวนั้นๆ (ง่ายๆ คือบริษัทกำไรก็ไม่ค่อยจะมีทำไมหุ้นถึงแพงนั่นเอง) โดยอาจเกิดจากการทุ่มเงินเข้าซื้อเพื่อปั่นราคาหุ้นให้สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจใช้เวลาแค่ไม่กี่วัน ในระหว่างนี้เหล่าแมลงเม่าที่หน้ามืดพอเห็นหุ้นราคาขึ้นไปสูงมากก็จะรีบกรูกันเข้าไปซื้อ และเพียงไม่นานก็จะเกิดการเทขายหุ้นจำนวนมากจนทำให้ราคาตกลงไปจนน่าใจหาย แมลงเม่าที่เข้าซื้อหุ้นตัวนี้กว่าจะรู้ตัวว่ากำลังโดนไฟเผาก็ขายออกไม่ทันขาดทุนจนมอดไหม้ไปกับเปลวไฟเสียแล้ว
สิ่งสำคัญของการเล่นหุ้นวิธีนี้ก็คือ เมื่อเข้าซื้อแล้ว ต้องรู้ว่าจุดขายออกของเราคือเมื่อไหร่ เพราะถ้าหากใช้ตรรกะที่ว่า “มันอาจจะราคาดีดขึ้นกว่านี้ก็ได้ รอไปอีกนิดนึงละกัน” ระวังจะไม่มีนิดนึงให้รอ เพราะเวลามันลง จะหน้าอินทร์หรือหน้าพรหมก็ไม่สนอะไรทั้งนั้น หากเข้าได้แต่ออกไม่ทัน หายนะแน่นอน
5. หาความรู้เรื่องการลงทุนหุ้นอย่างสม่ำเสมอ
วิธีเล่นหุ้นอย่างที่ห้าคือ อย่าหยุดหาความรู้เรื่องหุ้นโดยเด็ดขาด คุณไม่สามารถอาศัยบทความนี้เพียงบทความเดียวแล้วหวังจะเล่นหุ้นจนรวยได้ คุณควรหาความรู้จากผู้ที่มีความรู้และนำประสบการณ์มาแชร์ อาจเป็นรูปแบบแชร์ให้อ่านฟรีในอินเทอร์เน็ต แบบฟังจากอินฟลูฯ ด้านการเงินการลงทุนที่มีชื่อเสียงและน่าเชื่อถือ เช่น The Money Coach, คุณพอล ภัทรพล หรือซื้อหนังสือมาอ่านหากมีกำลังทรัพย์ แต่ถ้ากำลังทรัพย์ไม่เพียงพอ สามารถไปอ่านหนังสือเกี่ยวกับการเงินการลงทุนได้ฟรีที่ห้องสมุดของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และในข้อนี้สินเชื่อส่วนบุคคลพรอมิสจะมาแนะนำหนังสือ 2 เล่มที่ช่วยให้คุณเข้าใจเรื่องการลงทุนในหุ้นมากยิ่งขึ้น และหาอ่านฟรีได้ที่ห้องสมุดอีกด้วย
5.1 หนังสือหุ้นที่เหมาะสำหรับเรียนรู้วิธีเล่นหุ้นทั้งแบบเก็งกำไรระยะสั้นและระยะยาว
แนะนำหนังสือชื่อ “รวยหุ้นง่ายๆ สไตล์ Hybrid” เขียนโดย นายแพทย์ธีรภัทร์ พุ่มพวง หนังสือเล่มนี้อ่านง่าย อธิบายการเล่นหุ้นที่กระชับแต่ความรู้อัดแน่น ภาษาที่ใช้เป็นกันเองทำให้รู้สึกเหมือนเพื่อนสอนเพื่อน ในเนื้อหามีตัวอย่างกราฟหุ้นและรูปภาพต่างๆ ทำให้เห็นภาพและเข้าใจเรื่องหุ้นมากขึ้น ผู้เขียนมีหลากหลายวิธีในการหาจุดซื้อจุดขายหุ้น อีกทั้งภายในเล่มยังมี QR Code ในแต่ละหัวข้อให้สแกนเพื่อเข้าไปเรียนรู้แบบเป็นคลิปเพิ่มเติมอีกด้วย เรียกได้ว่าครบเครื่องเรื่องวิธีเล่นหุ้น อ่านแล้วน่าจะรักษาอาการแมลงเม่าบินเข้ากองไฟได้
5.2 หนังสือสอนอ่านงบการเงินที่ไม่น่าเบื่อ
แนะนำหนังสือชื่อ “วอร์เรน บัฟเฟ็ตต์ และการตีความงบการเงิน” เขียนโดย Marry Buffet & David Clark หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้คุณฝึกการตีความผ่าน “ตัวเลข” ในงบการเงินก่อนเลือกลงทุนในหุ้นใดๆ ก็ตาม อ่านง่ายและมีเรื่องให้น่าติดตามตลอดทั้งเล่ม เพราะนอกจากจะสอนเรื่องการอ่านงบการเงินแล้ว ยังเจาะลึกถึงความคิดอ่านของวอร์เรน บัฟเฟ็ตต์ นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลกตลอดกาล ว่าเขามีความคิดอ่านอย่างไรในเรื่องของการเฟ้นหาหุ้นที่จะลงทุน หรือเขามองบริษัทผ่านตัวเลขในงบการเงินอย่างไร ฯลฯ อ่านแล้วรู้สึกว่างบการเงินที่น่าเบื่อกลายเป็นสิ่งที่น่าสนใจขึ้นมาทันที
สรุปบทความ
และนี่คือวิธีเล่นหุ้นที่สินเชื่อส่วนบุคคลพรอมิสนำมาเสนอในครั้งนี้ แน่นอนว่านี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่คุณสามารถนำไปค้นหาเพิ่มเติมเพื่อศึกษาเองได้ ไม่ว่าจะรูปแบบออนไลน์หรืออ่านหนังสือก็ล้วนแต่มีประโยชน์ เพราะการมีความรู้ในสิ่งที่เราลงทุนนั้นสำคัญไม่แพ้การมีเงินไปลงทุน จะได้ไม่เสียเงินต้นที่มานะอุตสาหะเก็บออมเพื่อมาลงทุนนั่นเอง แต่ว่าเงินที่เอามาลงทุนต้องเป็นเงินเก็บที่เรามีเหลือจากการใช้จ่ายในสิ่งจำเป็นต่างๆ เรียบร้อยแล้วเท่านั้นนะ แม้จะน้อยก็ค่อยๆ เก็บไป อย่าไปกู้ยืมเงินมาลงทุนโดยเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นการเงินของคุณจะฝืดเหมือนกลืนดินเหนียวลงคอเลยล่ะ
ส่วนใครที่กำลังมองหาเงินสด มีความจำเป็นต้องใช้เงินด่วน* กู้เงินกับสินเชื่อส่วนบุคคลพรอมิส อนุมัติทันใจใน 1 ชั่วโมง* ได้แล้ววันนี้ทั้งทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชันบนระบบปฏิบัติการ iOS และ Android
ระบบปฏิบัติการ iOS: https://bit.ly/PROMISEAppiOS
ระบบปฏิบัติการ Android : https://bit.ly/PROMISEAppAndroid
สินเชื่อส่วนบุคคลพรอมิส
- สมัครง่าย
- อนุมัติไวใน 1 ชั่วโมง*
- วงเงินสูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท*
แหล่งอ้างอิง
- นพ.ธีภัทร์ พุ่มพวง. รวยหุ้นง่ายๆ สไตล์ Hybrid, (กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์ 1168 พับลิชชิ่ง)
- บัฟเฟ็ตต์, แมรี่ และ คลาร์ก, เดวิด. วอร์เรน บัฟเฟ็ตต์ และการตีความงบการเงิน: Warren Buffett and the interpretation of financial statements, (กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์โพสต์บุ๊กส์)
- MONEY BUFFALO. วิธีหา จุดซื้อขายหุ้น ด้วยการใช้กราฟ | ลงทุนหุ้นเป็นใน 30 วัน EP16, https://www.moneybuffalo.in.th/money-series/trading-in-30-days/ep16
- MONEY BUFFALO. นักลงทุน ในตลาดหุ้นมีกี่ประเภท? | ลงทุนหุ้นเป็นใน 30 วัน EP5, https://www.moneybuffalo.in.th/money-series/trading-in-30-days/ep5
- Innovest x. Value Investment คืออะไร หุ้นแบบไหนที่เรียกว่าหุ้นสาย VI?, https://www.innovestx.co.th/knowledge-hub/detail/start-investing-the-first-step/what-is-value-investment-and-value-stock
- SET investnow. 10 อาวุธคู่กายของนักลงทุนสายเทรดเดอร์, https://www.setinvestnow.com/th/knowledge/article/324-10-weapons-for-traders
- SET investnow. สกัดจุด... อ่านแบบ 56-1 ง่ายๆ เข้าใจบริษัท, https://www.setinvestnow.com/th/knowledge/article/115-how-to-read-and-understand-form-56-1
กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว
ดอกเบี้ย 15%-25% ต่อปี
*กรุณาศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์ก่อนการสมัครที่ promise.co.th
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ และธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
*หากยื่นเอกสารครบถ้วนภายใน 18:00 น. และไม่มีเหตุขัดข้องด้านเอกสาร หรือระบบ จะสามารถอนุมัติได้ภายใน 1 ชั่วโมง หรือภายในวันถัดไป