รวมทุกเรื่องสำคัญที่ควรรู้ก่อนปรับโครงสร้างหนี้
เศรษฐกิจที่ผันผวน ค่าครองชีพที่สูงขึ้น หรือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน อาจทำให้ภาระหนี้ที่เคยจัดการได้กลายเป็นปัญหาหนักอึ้ง การปรับโครงสร้างหนี้จึงเป็นทางออกสำคัญที่จะช่วยให้คุณฝ่าวิกฤตการเงินได้ บทความนี้รวบรวม 7 เทคนิคสำคัญในการปรับโครงสร้างหนี้ พร้อมคำแนะนำว่าวิธีไหนเหมาะกับสถานการณ์ของคุณมากที่สุด
การปรับโครงสร้างหนี้คืออะไร
การปรับโครงสร้างหนี้คือการเจรจากับสถาบันการเงินเพื่อปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการชำระหนี้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ทางการเงินในปัจจุบันของลูกหนี้ ไม่ว่าจะเป็นการขยายระยะเวลาการชำระหนี้ การลดอัตราดอกเบี้ย หรือการงดการชำระหนี้ชั่วคราว วัตถุประสงค์หลักคือช่วยให้ลูกหนี้สามารถจัดการภาระหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดโอกาสในการผิดนัดชำระหนี้
7 เทคนิคในการปรับโครงสร้างหนี้
เมื่อเผชิญกับภาวะหนี้ล้นพ้นตัว การเลือกวิธีปรับโครงสร้างหนี้ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ ทั้ง 7 วิธีต่อไปนี้มีข้อดีและความเหมาะสมกับสถานการณ์ที่แตกต่างกันออกไป ลองพิจารณาว่าแบบไหนตอบโจทย์สถานการณ์ของคุณมากที่สุด เพื่อให้การบริหารจัดการหนี้สินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
1. Hair Cut
Hair Cut คือการเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อขอลดหนี้บางส่วนแล้วชำระหนี้ที่เหลือทั้งหมดในคราวเดียว โดยอาจเป็นการลดเฉพาะดอกเบี้ย หรือทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย
- ข้อดี: ช่วยปิดบัญชีหนี้ได้เร็วขึ้น และอาจประหยัดเงินได้มากในระยะยาว
- เหมาะกับ: ผู้ที่มีเงินก้อนพอที่จะชำระหนี้ส่วนใหญ่ได้ เช่น ได้รับเงินมรดก โบนัส หรือผู้ที่ต้องการปลดภาระหนี้โดยเร็วที่สุด เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ทางการเงิน
2. เปลี่ยนประเภทหนี้
การเปลี่ยนประเภทหนี้คือการรวมหนี้หลายก้อนที่มีดอกเบี้ยสูง (เช่น บัตรเครดิต) เข้าด้วยกันและเปลี่ยนเป็นสินเชื่อประเภทที่มีกำหนดระยะเวลาชำระคืนแน่นอน
- ข้อดี: มีกำหนดเวลาการชำระคืนที่ชัดเจน ค่างวดต่อเดือนลดลง และบริหารจัดการง่ายขึ้น
- เหมาะกับ: ผู้ที่มีหนี้หลายประเภทและต้องการลดความซับซ้อนในการจัดการ หรือผู้ที่ยังพอจ่ายหนี้ไหว แต่ต้องการลดภาระค่างวดรายเดือน
3. รีไฟแนนซ์
รีไฟแนนซ์คือการกู้เงินจากสถาบันการเงินใหม่เพื่อนำไปชำระหนี้เดิมที่มีดอกเบี้ยสูงกว่า ทำให้ได้อัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขที่ดีกว่าเดิม
- ข้อดี: ลดภาระดอกเบี้ยในระยะยาว และสามารถเจรจาเงื่อนไขใหม่ที่เหมาะสมกับสถานะทางการเงินปัจจุบัน
- เหมาะกับ: ผู้ที่มีหนี้บัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสดที่มีดอกเบี้ยสูง หรือผู้ที่มีประวัติการชำระหนี้ดีและต้องการลดต้นทุนทางการเงิน
4. ขอลดดอกเบี้ย
การขอลดดอกเบี้ยคือการเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อขอลดอัตราดอกเบี้ยเป็นการชั่วคราว ซึ่งมักจะเป็นระยะเวลาประมาณ 3-6 เดือน
- ข้อดี: ลดภาระค่าใช้จ่ายรายเดือนทันที ทำให้มีเงินเหลือสำหรับรายจ่ายจำเป็นอื่นๆ
- เหมาะกับ: ผู้ที่กำลังประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงินชั่วคราว หรือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
5. ขยายเวลาชำระหนี้
การขยายเวลาชำระหนี้คือการเจรจาเพื่อยืดระยะเวลาการผ่อนชำระให้ยาวนานขึ้น เช่น จาก 5 ปี เป็น 7 ปี ทำให้ค่างวดรายเดือนลดลง
- ข้อดี: ลดยอดผ่อนต่อเดือนให้น้อยลง ทำให้บริหารจัดการเงินได้คล่องตัวมากขึ้น
- เหมาะกับ: ผู้ที่ยังพอมีกำลังผ่อนชำระ แต่ต้องการลดภาระรายเดือน หรือผู้ที่มีความจำเป็นต้องนำเงินไปใช้จ่ายในเรื่องเร่งด่วนอื่นๆ
6. พักการชำระเงินต้น เพื่อจ่ายแค่ดอกเบี้ย
การพักชำระเงินต้นคือการขอชำระเฉพาะดอกเบี้ยเป็นระยะเวลาหนึ่ง โดยไม่ต้องจ่ายเงินต้น ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายรายเดือนได้มาก
- ข้อดี: ลดภาระค่าใช้จ่ายรายเดือน ทำให้มีเงินเหลือสำหรับรายจ่ายอื่นๆ
- เหมาะกับ: ผู้ที่กำลังประสบปัญหาสภาพคล่องชั่วคราว แต่คาดว่าจะดีขึ้นในอนาคตอันใกล้ หรือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติและต้องการเวลาฟื้นตัว
7. พักการชำระเงินต้นและดอกเบี้ย
การพักชำระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยคือการหยุดการชำระหนี้ทั้งหมดเป็นการชั่วคราว ซึ่งมักจะเป็นระยะเวลา 3-6 เดือน
- ข้อดี: ช่วยให้มีเวลาตั้งหลักและวางแผนการเงินใหม่ โดยไม่มีภาระการจ่ายหนี้ในช่วงเวลาหนึ่ง
- เหมาะกับ: ผู้ที่เผชิญวิกฤตทางการเงินอย่างรุนแรง เช่น ตกงาน เจ็บป่วยหนัก หรือผู้ที่ประสบภัยพิบัติอย่างรุนแรงและต้องใช้เวลาฟื้นฟูสภาพความเป็นอยู่
สรุปเทคนิคการปรับโครงสร้างหนี้
การปรับโครงสร้างหนี้เป็นทางออกสำคัญสำหรับผู้ที่กำลังเผชิญกับภาวะหนี้สินล้นพ้นตัว โดยแต่ละวิธีมีข้อดีและความเหมาะสมแตกต่างกันไปตามสถานการณ์ทางการเงิน สิ่งสำคัญคือต้องเลือกวิธีที่เหมาะกับตัวเองมากที่สุด และอย่าลืมว่าการสื่อสารกับเจ้าหนี้อย่างตรงไปตรงมาเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ
หากคุณกำลังต้องการเงินด่วน*เพื่อจัดการปัญหาการเงิน สินเชื่อส่วนบุคคลพรอมิสอาจเป็นทางเลือกที่ช่วยได้ ด้วยการอนุมัติทันใจใน 1 ชั่วโมง* วงเงินสูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท* ไม่ต้องมีคนค้ำประกัน สมัครง่ายใช้เอกสารน้อย เพื่อให้คุณก้าวผ่านช่วงเวลายากลำบากไปได้อย่างมั่นคง
กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว
ดอกเบี้ย 15%-25% ต่อปี
*กรุณาศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์ก่อนการสมัครที่ promise.co.th
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ และธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
*หากยื่นเอกสารครบถ้วนภายใน 18:00 น. และไม่มีเหตุขัดข้องด้านเอกสารหรือระบบ จะสามารถอนุมัติได้ภายใน 1 ชั่วโมง หรือภายในวันถัดไป