ความรู้ด้านการเงินที่ First Jobber ควรเตรียมให้พร้อมก่อนเริ่มทำงาน

เพราะการเริ่มต้นชีวิตการทำงานของ First jobber มันไม่ง่าย โดยเฉพาะการต่อสู้กับสภาวะเงินเฟ้ออันหนักหน่วงที่ทุกคนทั่วโลกต้องพบเจออยู่ในช่วงนี้ การมีความรู้ด้านการเงิน จึงเปรียบเสมือนการติดดาบในการเอาตัวรอดในสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ได้เป็นอย่างดี ใครที่ยังไม่เคยคิด หรืออาจจะยังไม่รู้ว่าจะต้องวางแผนในด้านการเงินอย่างไรบ้าง เรามีเช็กลิสต์ง่ายๆ ที่จะช่วยให้การวางแผนนั้นไม่ปวดหัวอีกต่อไป 
 

เช็กลิสต์ 6 ความรู้ด้านการเงินที่ First Jobber ควรรู้

เมื่อพูดถึงความรู้ด้านการเงิน ชาว First Jobber นึกถึงเรื่องอะไรกันบ้าง การเก็บออม การลงทุน หรือการลดหย่อนภาษี ทั้งหมดที่กล่าวไปนั้นล้วนสำคัญทั้งหมด แต่ก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ หรืออาจจะไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก เราจะมาอธิบายให้เห็นภาพกันมากขึ้นผ่าน 6 เช็กลิสต์นี้

1. การวางแผนการออมเงิน

สิ่งแรกที่ชาว First Jobber ควรให้ความสำคัญมากที่สุด คือการวางแผนในการออมเงิน แม้จะมีเงินเดือนเหลือเก็บในการออมที่ไม่เยอะ แต่การพยายามเก็บออมเป็นประจำทุกเดือน ก็ช่วยฝึกวินัยทางการเงินได้ดี ซึ่งการจะทำแบบนี้ได้ ก็ต้องเริ่มต้นด้วยการทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายให้ชัดเจน ว่าเงินเดือนที่ออกมาทุกเดือนนั้นหมดไปกับอะไร มีส่วนไหนที่สามารถประหยัดอดออมได้บ้าง อาจจะลำบากสักหน่อยในช่วงแรกของการทำงาน แต่เมื่อเงินเดือนเพิ่มมากขึ้นตามประสบการณ์ ก็จะไม่ได้รู้สึกลำบากในการแบ่งเงินเก็บออมเหมือนช่วงแรกนี้เท่าไหร่

2. การวางแผนการลงทุน

ยิ่งเริ่มต้นศึกษาด้านการลงทุนตั้งแต่อายุน้อยๆ ยิ่งได้เปรียบ น่าจะเป็นคำพูดที่เหล่า First Jobber เคยได้ยินมาไม่มากก็น้อย เพราะการลงทุนเพื่อความมั่งคั่งในระยะยาว คือการแข่งขันกับความอดทนที่ต้องใช้ระยะเวลาในการรอคอย โดยเฉพาะกับคนอายุน้อยๆ ที่ยังไม่ได้มีภาระชิ้นใหญ่ในการผ่อน อย่างบ้าน รถ หรือคอนโดมิเนียม ช่วงเวลานี้จึงเป็นช่วงเวลาทองที่สามารถสร้างเงินก้อนได้ หากเรียนรู้ในการลงทุนอย่างถูกวิธี

3. การวางแผนประกันชีวิตและประกันสุขภาพ

ความไม่แน่นอนในชีวิตเกิดขึ้นได้เสมอ การเลือกทำประกันชีวิต หรือประกันสุขภาพ ก็เป็นสิ่งจำเป็นที่คนวัยทำงานอย่าง First Jobber ไม่ควรมองข้าม เพราะนอกจากจะช่วยในเรื่องลดหย่อนภาษีได้แล้ว ยังได้รับความคุ้มครองเมื่อเกิดการเจ็บป่วย หรือเสียชีวิตได้ด้วย ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเราจะหวังเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับชีวิตเรา แต่การมีหลักประกันไว้ย่อมอุ่นใจกว่าเสมอ เพราะถ้าเราไม่ได้เป็นอะไรตลอดอายุสัญญา ก็ยังสามารถรับเงินประกันคืนเป็นแบบก้อนได้ เพียงแต่ต้องเลือกกรมธรรม์ที่ตอบโจทย์ความต้องการ และมีค่าเบี้ยประกันที่จ่ายไหวก็พอ

4. พื้นฐานภาษี และการลดหย่อนภาษี

การเข้าใจถึงเรื่องฐานภาษี และการลดหย่อนต่างๆ เป็นสิ่งที่ชาว First Jobber ควรให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะช่วยให้เข้าใจถึงเงื่อนไขต่างๆ ได้ดีแล้ว ยังสามารถใช้เป็นการลงทุนควบคู่ไปกับการไม่ต้องจ่ายภาษีแบบถูกกฎหมายได้ด้วย ใครที่ไม่เคยทำความเข้าใจในเรื่องนี้ หรืออาจจะไม่เคยยื่นภาษีเลยด้วยซ้ำ ควรจะต้องหันมาศึกษากันใหม่ เพราะเราจะต้องจ่ายภาษีไปตลอดชีวิตตราบใดที่เรามีรายได้

5. การซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัย

ซื้อดีกว่าเช่า คำพูดยอดนิยมที่ใครหลายคนมักได้ยิน ในสมัยก่อนคำนี้อาจจะเป็นคำพูดที่ถูก แต่อาจจะไม่ใช่ในสภาวะปัจจุบัน เพราะราคาที่ดิน หรือมูลค่าบ้านที่อยู่อาศัยอาจจะไม่ได้พุ่งพรวดแบบในอดีตอีกแล้ว เนื่องด้วยอัตราการเกิดที่น้อยลงของสังคมในปัจจุบัน ทำให้ความต้องการในอสังหาริมทรัพย์อาจจะเหลือเพียงแค่ตัวเมืองชั้นในเท่านั้น การจะเลือกผ่อนบ้านเป็นระยะเวลา 30 ปี อาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่ปลอดภัยสำหรับชาว First Jobber ในยุคนี้เท่าไหร่นัก เพราะเศรษฐกิจในอีก 30-40 ปีข้างหน้ายังคงคาดเดาได้ยาก บางทีการเช่าในระยะยาวอาจจะตอบโจทย์ชีวิตได้มากกว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับความพร้อมในเรื่องทุนทรัพย์ที่ติดตัวมาของแต่ละบุคคลเป็นหลัก

6. การวางแผนเกษียณ

ไม่มีใครสามารถทำงานไปได้ตลอดชีวิต เมื่อถึงวัยที่ร่างกายเริ่มถดถอยจากอายุที่มากขึ้น ช่วงเวลานั้นอาจจะไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีเท่าไหร่ในการโหมงานหนัก การวางแผนเกษียณควรเป็นเรื่องที่คิดไว้เลยตั้งแต่เริ่มทำงาน ยกตัวอย่างเช่น หากเราอยากจะมีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตประมาณนี้ เราควรจะมีเงินเดือนเท่าไหร่ในการใช้จ่ายช่วงนั้น โดยการคำนวณคร่าวๆ ตามอายุขัยเฉลี่ยของคนไทย แล้วค่อยนำตัวเลขนั้นมาตั้งเป็นเป้าหมายในการเก็บออม และลงทุนตลอดชีวิตการทำงาน เพื่อเป็นหลักประกันว่าชีวิตช่วงบั้นปลายนั้นจะมีความสุข 
 

สรุปบทความ ความรู้ด้านการเงินที่ First Jobber ควรเตรียมให้พร้อมก่อนเริ่มทำงาน

ความรู้ด้านการเงิน เป็นสิ่งที่หาได้ยากจากในห้องเรียน ทำให้ใครหลายคน รวมไปถึงชาว First Jobber ต้องมาเริ่มต้นเรียนรู้กันใหม่อีกครั้งตอนเริ่มทำงานไปแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกนักที่บางครั้งพนักงานประจำอย่างเราๆ จะประสบปัญหาด้านการเงินกันบ้าง ใครที่กำลังมีปัญหาต้องใช้เงินก้อนแบบถูกกฎหมาย การขอสินเชื่อพนักงานประจำ ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ดีในการแก้ไขสภาพคล่องที่กำลังประสบอยู่แบบไม่ต้องกังวลใจมากนัก

กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว　ดอกเบี้ย 15%-25% ต่อปี
*กรุณาศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์ก่อนการสมัครที่ promise.co.th

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ และธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด